Categories
ข่าว ทั้งหมด

1 ปีมีครั้งเดียว นายอำเภอหัวหิน ชวนชิมทุเรียนป่าละอู งานมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 10

1 ปีมีครั้งเดียว นายอำเภอหัวหิน ชวนชิมทุเรียนป่าละอู งานมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 10

วันที่ 6 มิถุนายน 2566 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าทุเรียนป่าละอู เป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทองพระราชทาน ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ทรงพระราชทานให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน ครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงเรียนอานันท์ ที่บ้านป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2509 จนกลายเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันในพื้นที่ เมื่อนำมาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ที่มีความพิเศษบนพื้นที่สูง สภาพอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของดิน อีกทั้งเป็นการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ จึงทำให้ได้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพ มีรสหวาน เนื้อหนา เหนียว เนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน เม็ดลีบเล็ก กลิ่นไม่รุนแรง ได้รับการยอมรับจากผู้โปรดปรานทุเรียนว่ามีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับเครื่องหมายสินค้า GI (Geographical Indication) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 แสดงถึงแหล่งเพาะปลูกที่เจาะจงแค่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นสินค้าเด่นของชุมชน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าการเกษตร โดยผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมาย GI ได้แก่ เกษตรกรผู้ผลิตในพื้นที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งได้ร่วมกันรักษาคุณภาพมาตรฐาน ชื่อเสียงและอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นนี้เอาไว้

สำหรับทุเรียนป่าละอู จะเริ่มออกผลผลิตสู่ท้องตลาด ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม โดยขณะนี้เริ่มมีทุเรียนป่าละอูบางส่วนออกจำหน่ายแล้ว พร้อมกันนี้ อำเภอหัวหิน ร่วมกับ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เตรียมจัดงานมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 19 – 25 มิถุนายนนี้ ที่บริเวณสนาม ข้าง อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทุเรียนให้กับผู้บริโภคโดยตรง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนตามมา ภายในงานจะมีเกษตรกรชาวสวนในพื้นที่นำผลไม้และพืชผลทางการเกษตร อาทิ เงาะ มังคุด และของดีต่างๆ ในพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มาจำหน่าย โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ทั้งพันธุ์หมอนทองและชะนี ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกได้คัดทุเรียนป่าละอูเกรด A จากสวนโดยตรง นำมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิมที่ศูนย์แสดงสินค้าโอทอป ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ในราคาเดียวกันทุกร้าน กิโลกรัมละ 250 บาท นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้าน สินค้าโอทอป สินค้าเกษตรแฟร์ ไม้ผล ไม้ดอก ไม้ประดับ เครื่องมือการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ สินค้าโรงงานมาร่วมจำหน่ายตลอดงาน โดยมี รมต.ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานเปิดงานในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชิมทุเรียนป่าละอูแสนอร่อยแล้ว ยังได้ชมวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวไทยภูเขา และน้ำตกป่าละอูเลื่องชื่อ ที่มีความสวยงามสามารถเข้าเที่ยวชมได้ทั้งปี.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

อากาศร้อนจัด ปลาในอ่างเก็บน้ำ น็อกน้ำตายเป็นเบือ

อากาศร้อนจัด ปลาในอ่างเก็บน้ำ น็อกน้ำตายเป็นเบือ

วันที่ 5 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่ามีสัตว์น้ำประเภทปลาตายลอยแพจำนวนมากในอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำโจน หมู่ 6 บ้านหุบไผ่ ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ความจุ 1.4 แสนลูกบาศก์เมตร อยู่ในจุดแคบสุดในประเทศไทย ใกล้กับเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย – เมียนมา พบว่ามีปลาหลากหลายสายพันธุ์ลอยน้ำตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

จากการสอบถามนางอำไพ บุตรดี อายุ 68 ปี ประธานกลุ่มแม่บ้านหุบไผ่ กล่าวว่า พบปลาลอยน้ำตายต่อเนื่องมาประมาณ 1 สัปดาห์ มีทั้งปลาบู่ ปลานิล ปลาตะเพียน แต่ละวันมีไม่ต่ำกว่า 400 – 500 กิโลกรัม ชาวบ้านในพื้นที่ต้องช่วยกันเก็บซากปลาที่เริ่มเน่ารอบอ่างเก็บน้ำใส่ถุงปุ๋ยเพื่อนำไปฝัง บางรายนำไปทำปุ๋ยในสวนมะพร้าว ไม่เช่นนั้นซากปลาจะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ช่วงแรกที่ปลาตาย ชาวบ้านคิดว่ามีการวางยาหรือเป็นโรค แต่จากการนำซากปลาไปตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบว่ามีสารเคมีปนเปื้อน ขณะที่การตรวจสอบตัวอย่างน้ำ ไม่มีปัญหาน้ำเน่าเสีย

ปัจจุบันชาวบ้านมากกว่า 100 หลังคาเรือน ใช้น้ำในอ่างผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคและน้ำ เพื่อการเกษตรในการเลี้ยงโคนม จึงต้องเร่งเก็บซากปลาเพื่อให้การผลิตน้ำประปาไม่มีผลกระทบจากกลิ่นเหม็นและชาวบ้านสามารถใช้น้ำตามปกติ ส่วนตัวยอมรับว่าในรอบ 30 ปี ตั้งแต่มีการสร้างอ่างเก็บน้ำ ไม่เคยพบปลาตายในลักษณะนี้มาก่อน บางปีเจอภัยแล้งนานหลายเดือน น้ำในอ่างลดลงมาก แต่ไม่พบว่ามีปลาลอยน้ำตาย สำหรับปีนี้คาดว่าปลาตายทั้งอ่าง มีสาเหตุจากสภาพอากาศร้อนจัดนานผิดปกติ เนื่องจากฝนทิ้งช่วงนานหลายเดือน และหลังจากนี้ชาวบ้านต้องช่วยกันหาพันธุ์ปลาไปปล่อยในอ่างเพื่อทดแทนปลาที่ตายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พบซากช้างป่าละอูขึ้นอืดคาลำห้วย ผ่าพบหัวกระสุนหลายชิ้น

พบซากช้างป่าละอูขึ้นอืดคาลำห้วย ผ่าพบหัวกระสุนหลายชิ้น

วันที่ 4 มิถุนายน 2566 นายประธาน สังวรณ์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจาก นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ศูนย์เฝ้าระวังช้างป่า และชุดลาดตระเวนผลักดันช้างป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านหนองพลับ, ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก, ตำรวจพลร่ม (ด่านตรวจพุไทร), ตำรวจตระเวนชายแดน ชุด 1454 และ เจ้าหน้าที่สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (wcs) ประเทศไทย เข้าพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากนายโรม ยิ้มรอด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 บ้านหนองสะแก ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่าพบซากช้างป่าเสียชีวิตอยู่บริเวณค่าพิกัดดาวเทียม ระบบ (WGS84) UTM 47 P 0564612 E 1379094 N ในบริเวณท้องที่หมู่ 10 บ้านหนองสะแก ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นช้างป่าตัวโตเต็มวัย ไม่ทราบเพศ (ไม่มีงา) นอนตายอยู่ในบริเวณลำห้วย ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ สภาพขึ้นอืด คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน คณะเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับคณะสัตวแพทย์ เพื่อมาผ่าพิสูจน์ซากหาสาเหตุการตายของช้างป่าตัวนี้ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสอบโดยใช้เครื่องสแกนโลหะ สแกนบริเวณลำตัวซากช้างป่าเพื่อตรวจหาวัตถุโลหะ ก่อนให้นายสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ สัตวแพทย์ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 (ประทับช้าง) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย และชุดกู้ภัยอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผ่าชันสูตรซากช้างป่า พบวัตถุคล้ายกระสุนปืนบริเวณสะโพกซ้าย จำนวน 2 ชิ้น, บริเวณกลางลำตัวด้านซ้าย จำนวน 3 ชิ้น และบริเวณหน้าอกด้านล่างซ้าย จำนวน 2 ชิ้น ซึ่งนายสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้ออวัยวะภายใน นำส่งไปยังห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาสารพิษและโรค หรือสาเหตุการตายของช้างป่าตัวดังกล่าวนี้ และต้องรอผลยืนยันการตรวจอย่างละเอียด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะทราบผล ก่อนเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการทำลายซากใช้รถแบคโฮทำการขุดฝังกลบซากช้าง พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และโรยปูนขาวรอบๆ ตามหลักวิชาการเป็นที่เรียบร้อย ก่อนนำหลักฐานเข้าแจ้งความ สภ.บ้านหนองพลับ เพื่อหาตัวคนยิงช้างมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ชวนเที่ยวผาฝั่งแดง หรือหาดฝั่งแดง ชมหัตถกรรมอัตลักษณ์บางสะพานน้อย

ชวนเที่ยวผาฝั่งแดง หรือหาดฝั่งแดง ชมหัตถกรรมอัตลักษณ์บางสะพานน้อย

วันที่ 4 มิถุนายน 2566 สำนักงานพัฒนาชุมชนบางสะพานน้อย ร่วมกับกลุ่มแม่บ้านสตรีตำบลทรายทอง ระดมความคิดเกี่ยวกับการสร้างอัตลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ร่วมกับทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน นำดินฝั่งแดงมาเพิ่มมูลค่า และได้ของบประมาณสนับสนุนจาก อบต.ทรายทอง และสำนักงานแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดฝึกอบรมหลักสูตรทำผ้ามัดย้อมระหว่างวันที่ 24 – 28 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ อบต.ทรายทอง มีวิทยากรจากอำเภอบางสะพาน ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ขณะนี้ทางกลุ่มได้พัฒนาลวดลายและพร้อมจำหน่ายแล้ว โดยมีนายนันทปรีชา คำทอง สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้แก่กลุ่มด้วย

ผาฝั่งแดง อำเภอบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง ตั้งตระหง่านริมทะเล ท้าคลื่นลม มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร ลักษณะพิเศษ คือแนวหน้าผาสีแดง ลักษณะเป็นดินลูกรังแดง ลวดลายสวยงาม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้วยความสูงประมาณ 20 – 30 เมตร ผาฝั่งแดงมีชายหาดซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นและลมทะเลเป็นเวลานับแสนปี จนเกิดลวดลายสวยงามตระการตาดังเช่นปัจจุบัน หากท่านสนใจสินค้าของชุมชน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.098 – 8848791 (พี่ตา) ประธานกลุ่ม “ผ้ามัดย้อมดินฝั่งแดง”.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กรมทรัพยากรน้ำใช้งบ 102 ล้าน ซ่อมอ่างเก็บน้ำมรสวบ หลังมีปัญหาซ้ำซากกว่า 10 ปี

กรมทรัพยากรน้ำใช้งบ 102 ล้าน ซ่อมอ่างเก็บน้ำมรสวบ หลังมีปัญหาซ้ำซากกว่า 10 ปี

วันที่ 4 มิถุนายน 2566 นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ว่าที่ ส.ส.เขต 3 จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงการซ่อมสร้างอ่างเก็บน้ำมรสวบ ที่หมู่ 4 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ หลังจากสันอ่างทรุดตัวเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2562 ต่อมาถูกปล่อยร้างไม่สามารถใช้งานได้ โดยก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2557 สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้งบ 37.9 ล้านบาท ปรับปรุงอ่างเก็บน้ำความจุ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่กลับมีปัญหาสันอ่างเกิดรอยรั่วซ้ำซากใกล้สปิลเวย์ ทำให้สันอ่างทรุดยาวกว่า 20 เมตร ลึก 5 เมตร ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำดังกล่าวยังไม่สามารถใช้กักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค หรือน้ำเพื่อการเกษตรได้ตามศักยภาพ หลังจากมีการประเมินแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ กรมทรัพยากรน้ำ ได้เสนอใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2564 จำนวน 102 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงฐานรากให้มีความมั่นคงแข็งแรง เมื่ออ่างเก็บน้ำได้รับการแก้ไขปรับปรุงซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ให้สามารถเก็บกักน้ำได้ตามปกติ จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ต.ชัยเกษม ต.ธงชัย และเขตเทศบาลตำบลบ้านกรูด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด ขณะนี้อยู่ในช่วงดำเนินงานการปรับปรุงซ่อมแซมให้สามารถใช้ประโยชน์ สันอ่างเก็บน้ำมีความยาวตั้งแต่ริมถนนสาธารณะ เข้าไปสุดสันอ่างเก็บน้ำ มีความยาว 580 เมตร การซ่อมแซมแบ่งเป็น 2 ช่วง ในช่วงที่ได้รับความเสียหายที่สันอ่างทรุดตัวลงไป 102 เมตร ต้องมีการขุดดินเดิมออกไป จากนั้นมีการบดอัดสันอ่างขึ้นมาใหม่ ในส่วนที่สันเดิมมีสภาพดี ได้ใช้วิธีการฉีดอัดน้ำปูนลงเป็นแกนกลาง ตามหลักวิศวกรรมการก่อสร้าง

ด้านนายณัฐพล จอมแก้ว อายุ 35 ปี ผู้ควบคุมงานบริษัทรับเหมา กล่าวว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ หากบริษัทดำเนินการไม่เสร็จตามสัญญาจ้างที่ได้รับการขยายเวลาจากเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ก็จะถูกปรับรายวันๆ ละกว่า 1 แสนบาท จึงต้องเร่งรัดซ่อมสร้างให้เสร็จตามเป้าหมาย โดยเพิ่มการทำงานล่วงเวลาถึง 22.00 น.ทุกวัน ส่วนตัวคาดว่างานน่าจะเสร็จทันเวลาที่กำหนด สำหรับการซ่อมสันอ่างโครงสร้างเดิม ยอมรับว่ามีปัญหาพอสมควร เนื่องจากแกนในเป็นดินปนทรายและมีโพรงจำนวนมาก จึงต้องใช้ดินเหนียวที่ซื้อจากอำเภอบางสะพาน เข้ามาทำการบดอัด และหลังการซ่อมครั้งนี้ก็ยังไม่กล้ารับประกัน 100% ว่าจะใช้งานได้จริง เนื่องจากของเดิมที่ทำไว้สภาพสันอ่างชำรุดมากพอสมควร โดยวัสดุในสันเขื่อนที่บริษัทเก่าทำไว้ ไม่ได้ฉีดปูนซีเมนต์ลงไป เนื่องจากการก่อสร้างมีแค่การบดอัดดินเท่านั้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

วัดสะพานขี้เหล็ก เททองหล่อพระโมคคัลลานะ – พระสารีบุตรประจำพระธาตุเจดีย์พุทธมหาปัญจภัทร

วัดสะพานขี้เหล็ก เททองหล่อพระโมคคัลลานะ – พระสารีบุตรประจำพระธาตุเจดีย์พุทธมหาปัญจภัทร

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นประธานเททองหล่อพระโมคคัลลานะ – พระสารีบุตร ประจำพระธาตุเจดีย์พุทธมหาปัญจภัทร (หลวงพ่อโต) ที่วัดสะพานขี้เหล็ก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีพระครูโอภาสกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลหัวหิน เขต 2 เจ้าอาวาสวัดสะพานขี้เหล็ก น.ส.ไพลิน กองพันธ์ รองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล ตลอดจนพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมพิธี พร้อมกันนี้คณะสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ และร่วมกันทำพิธีเททองนำฤกษ์หล่อพระโมคคัลลานะ – พระสารีบุตร เพื่ออัญเชิญประดิษฐานประจำพระธาตุเจดีย์พุทธมหาปัญจภัทร (หลวงพ่อโต) วัดสะพานขี้เหล็ก ต่อไป

วัดสะพานขี้เหล็ก สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เมื่อปี พ.ศ.2543 จ.ส.ต.จรูญ ฤกษ์อุโฆษณ์ บริจาคที่ดินจำนวน 6 ไร่ เพื่อสร้างศาสนสถานในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่รกร้าง กันดาร ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา ทายกทายิกาจึงได้นิมนต์พระอาจารย์วิชิต จารุกุโล และพระอุทัย จารุธมฺโม มาจำพรรษาเพื่อบริหารงานและดูแลการก่อสร้างเป็นที่พักสงฆ์ ชื่อว่า “ต้นจรูญ” จึงได้พัฒนาก่อสร้างเสนาสนะให้เป็นที่พำนักของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เพื่อปฏิบัติธรรม ต่อมาได้ขออนุญาตสร้างวัดและตั้งวัด อนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2545 ด้วยความเห็นชอบของพระมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงมีประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2546 ชื่อว่าวัดสะพานขี้เหล็ก สอดคล้องกับชื่อหมู่บ้าน ต่อมาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมา ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 127 ตอนพิเศษ 104 ง ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และได้ทำพิธีปักหมายกำหนดเขตพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2553 และคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งพระอุทัย จารุธมฺโม เป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2547 ปัจจุบันท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท นามว่าพระครูโอภาสกาญจนธรรม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ตั้งแต่นั้นมา.