Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

ประจวบฯ เร่งเพิ่มพื้นที่ป่าควบคู่ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชน

ประจวบฯ เร่งเพิ่มพื้นที่ป่าควบคู่ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชน

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ภายใต้โครงการส่งเสริมการยกระดับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมย่อย ป่าครอบครัว สืบสานปณิธานพ่อ สานต่อเศรษฐกิจพอเพียง ที่ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัวด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กับป่าชายเลน หมู่ 2 ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ มีนายไพศาล ช่อผกา นายอำเภอกุยบุรี นายสมชาย นาคซื่อตรง ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีจุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ศูนย์เรียนรู้ป่าครอบครัว ในการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันปลูกต้นจิกทะเล บริเวณริมชายหาดแหลมหัวโขด หรือแหลมตุ๊กกา เพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชน และบริการจากเครือข่ายป่าชุมชน เครือข่ายป่าครอบครัว เครือข่าย ทสม.

นายองครักษ์ ทองนิรมล กล่าวว่าจังหวัดประจวบฯ มีพื้นที่กว่า 4 ล้านไร่ ในอดีตมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ คิดเป็นพื้นที่ป่าร้อยละ 42.62 ของพื้นที่จังหวัด แต่ในปี 2564 พบว่าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ลดลงเหลือร้อยละ 38.76 ของพื้นที่จังหวัด ดังนั้นจังหวัดจึงต้องขับเคลื่อนนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ถึงร้อยละ 40 ด้วยแนวทางเพิ่มพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ ร้อยละ 1.24 ของพื้นที่จังหวัด หรือคิดเป็นเนื้อที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ จำนวน 48,101.73 ไร่ โดยคำนวณอัตราการปลูกต้นไม้ 100 ต้นต่อไร่ จะต้องมีการปลูกต้นไม้เพิ่ม จำนวน 4,810,173 ต้น ทั้งนี้ จากการเก็บสถิติการปลูกต้นไม้ โครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน (forest.go.th) ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2566 พบว่าจังหวัดประจวบฯ เป็นจังหวัดที่มีการปลูกต้นไม้มากที่สุดลำดับที่ 41 ของประเทศ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนปลูกจำนวน 3,456 คน จำนวน 979,893 ต้น ซึ่งประชาชนสามารถร่วมลงทะเบียนบันทึกการปลูกต้นไม้ ในโครงการรวมใจไทย ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ผ่านทางเว็บไซต์ plant.forest.go.th เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลูกต้นไม้ จำนวน 4,810,173 ต้น ตามนโยบายการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่จังหวัด โดยสามารถขอรับกล้าไม้ได้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ไทย เยือนเวียดนามสานต่อความร่วมมือวิชาชีพสื่อ

สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ไทย เยือนเวียดนามสานต่อความร่วมมือวิชาชีพสื่อ

ตัวแทนสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเดินทางเยือนเวียดนาม สานต่อสัมพันธ์สื่อมวลชน 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้านทูตไทยในเวียดนามชื่นชมองค์กรวิชาชีพสื่อไทยช่วยกระชับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 คณะตัวแทนสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำโดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติและที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ได้เดินทางมาเยือนประเทศเวียดนามตามคำเชิญของสมาคมนักข่าวเวียดนามเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนการพัฒนาวิชาชีพสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศร่วมกัน

สำหรับผู้แทนของสมาคมสื่อมวลชนไทยที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ได้แก่ นายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย ในฐานะรองประธานสมาพันธ์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายพลาดิศัย สิทธิธัญญกิจ อุปนายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยฯ นางสาวปิยะสุดา จันทรสุข อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย นางชนิดา จันทเลิศลักษณ์ อุปนายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ นายสมศักดิ์ ศรีกำเหนิด เหรัญญิกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกฤษติน นิลมานนท์ กรรมการสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ประสานงานของสมาพันธ์ฯ

หลังจากเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชียมาถึงยังกรุงฮานอยได้เดินทางเข้าพบนายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะรับฟังบรรยายสรุปถึงสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศเวียดนามเช่น ทางด้านการเมืองที่เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศระดับสูง ด้านสังคมเรื่องการต่อสู้กับโรคโควิด 19 ด้านเศรษฐกิจที่มีนโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุน มีการทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ (FTA)กับหลายประเทศ และด้านความสัมพันธ์ ไทย – เวียดนามที่อยู่ในระดับ Strategic partner หรือหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตไทยยังได้กล่าวชื่นชมความพยายามในการสานสัมพันธ์ทางด้านสื่อมวลชนระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนไทยและเวียดนามด้วย

จากนั้นช่วงบ่ายเดินทางไปยังสมาคมนักข่าวเวียดนาม โดยมี นาย LE QUOC MINH นายกสมาคมนักข่าวเวียดนามและคณะให้การต้อนรับเพื่อพบปะพูดคุยถึงการดำเนินกิจกรรมร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนของประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โดยการพูดคุยสรุปพอสังเขปได้ว่าทั้งสมาพันธ์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าวเวียดนามต่างมีความยินดีที่จะสานต่อกิจกรรมร่วมกัน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการอบรมพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในวิชาชีพสื่อมวลชน เช่น ด้านภาษา ด้านเทคนิคการทำงานภาคสนามในสถานการณ์ที่เกิดภัยพิบัติ รวมถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆ ที่จะได้มีการหารือในรายละเอียดกันต่อไป

ซึ่งการเดินทางเยือนประเทศเวียดนามครั้งนี้ คณะสมาพนธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนการเดินทางจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และการสนับสนุนด้านกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนไทยและสื่อมวลชนเวียดนาม.

#สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (CTJ)
#สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์(SonP)

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

บลูพอร์ตหัวหิน จัดเทศกาลผลไม้สดๆ FRUIT & FRESH FAIR 2023 14 – 16 ก.ค.นี้

บลูพอร์ตหัวหิน จัดเทศกาลผลไม้สดๆ FRUIT & FRESH FAIR 2023 14 – 16 ก.ค.นี้

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหารบริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด เปิดเผยว่าบลูพอร์ตหัวหิน จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสนับสนุนผลผลิตของเกษตรไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ล่าสุดร่วมกับเกษตรอำเภอหัวหิน และเทศบาลเมืองหัวหิน เตรียมจัดงานเทศกาลผลไม้สดๆ FRUIT & FRESH FAIR 2023 เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแบบยั่งยืน โดยจะเป็นสถานที่รองรับการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตลอดทั้งปี และพร้อมที่จะจับมือกับเกษตรอำเภอจากอำเภอต่างๆ เพื่อหาช่องทางและวิธีการหารายได้ให้มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่การหารายได้แค่มาวางจำหน่ายที่บลูพอร์ตหัวหินเท่านั้น เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน และจะเปิดเวทีเพื่อให้เกษตรกรไทยได้พัฒนาสร้างชื่อเสียงให้ผลไม้ไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยเฉพาะผลไม้สดจากท้องถิ่นต่างๆ ของไทยที่คัดสรรมาเพื่องานนี้ รวมทั้ง ทุเรียนหมอนทอง พันธุ์ป่าละอู ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ และมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจมากมาย เช่น การแข่งขันปอกผลไม้ และชมลีลาอันสนุกสนานของผู้เข้าแข่งขัน ในกิจกรรมแข่งขันกินผลไม้สด ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 10,000 บาท เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบลูพอร์ต และ PORT CLUB ช้อปครบ 500 บาท รับฟรี ! ถังหูลู่จากผลไม้สด มูลค่า 50 บาทอีกด้วย

ขอเชิญชวนคนรักผลไม้ และทุกท่าน มาร่วมอุดหนุนเกษตรกรไทย สนุกกับกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย พร้อมพบกับผลไม้สดส่งตรงจากสวน ในงาน FRUIT & FRESH FAIR 2023 เทศกาลผลไม้ของดีประจำท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2566 บริเวณลานอีเว้นท์พอร์ต ชั้น G บลูพอร์ต หัวหิน ติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ บลูพอร์ตหัวหิน โทร.032 – 905111 Facebook : Bluport Hua Hin Official หรือ Line : @Bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รถทัวร์ 2 ชั้นชนกับรถเก๋งกลางสี่แยกไฟแดงเจ็บ 2 ราย

รถทัวร์ 2 ชั้นชนกับรถเก๋งกลางสี่แยกไฟแดงเจ็บ 2 ราย

เวลา 02.00 น. ของวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ร.ต.ท.ธนเดช ไลไธสง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปราณบุรี รับแจ้งเหตุรถปรับอากาศสองชั้นมีนักท่องเที่ยวมาเต็มคัน ชนกับรถเก๋งกลางสี่แยกไฟแดง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย บนถนนเพชรเกษม ขาขึ้นกรุงเทพฯ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ สีแดง ทะเบียน กฉ 3724 จอดขวางอยู่กลางสี่แยกไฟแดง ภายในมีคนขับและผู้โดยสารได้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นชาย 1 หญิง 1 คน เป็นแม่ลูกกัน เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยช่วยกันนำออกมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลปราณบุรี และมีรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 30 – 0544 นครปฐม ด้านหน้ารถชนติดกับรถเก๋ง ได้รับความเสียหายทั้งคู่ แต่ผู้โดยสารในรถทัวร์ทั้ง 35 คน ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

จากการสอบถามคนขับรถทัวร์ เล่าว่า ขับรถพานักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุจากกรุงเทพฯ ไปไหว้พระที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างกลับกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นสี่แยกไฟแดง จู่ๆ มีรถเก๋งวิ่งออกมาจากถนนทางซ้าย ตนจึงเหยียบเบรค แต่ด้วยความเร็วของรถทำให้ไม่สามารถหยุดได้ทัน จึงพุ่งชนกับรถเก๋งอย่างจัง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ส่วนผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่าตนกับลูกชายกำลังจะออกไปตลาดนัด ซึ่งขณะนั้นเป็นจังหวะไฟเขียว ลูกชายของตนจึงขับออกไป พอถึงกลางสี่แยกก็มีรถทัวร์วิ่งมาชนรถของตนจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนผู้โดยสารรถทัวร์ทั้งหมด เจ้าของรถได้นำรถมาเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารเพื่อเดินทางต่อไปแล้ว

สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ว่าฝ่ายใดฝ่าสัญญาณไฟ สำหรับสี่แยกไฟแดงแห่งนี้เพิ่งเปลี่ยนใหม่มาได้ไม่นาน แต่ก็มีปัญหามาตลอด โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนสัญญาณไฟ จากเขียวเป็นเหลือง แล้วเป็นแดงเร็วมาก จนผู้รถใช้ถนนสับสน อยากจะให้เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบมาตรวจสอบและแก้ไขให้ด้วย ซึ่งก่อนหน้าไม่นานก็มีอุบัติเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้น รถทัวร์ชนกับรถกระบะ แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินจัดกิจกรรมปลูกหญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สืบสานพระราชปณิธาน ร.9

หัวหินจัดกิจกรรมปลูกหญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สืบสานพระราชปณิธาน ร.9

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกหญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พลิกฟื้นแผ่นดินให้ชุ่มชื้นลดการพังทลายของดิน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจ จิตอาสาพระราชทาน ผู้นำชุมชน ประชาชนชาวตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ร่วมกันปลูกหญ้าแฝก จำนวน 40,000 กล้า ช่วงเช้า 25,000 กล้า และช่วงบ่าย 15,000 กล้า ที่วัดอานันท์ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงริเริ่มและมีพระราชดำริให้มีการนำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยฟื้นฟูดิน ฟื้นฟูระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อม โดยแถวหญ้าแฝกส่วนที่อยู่เหนือดิน จะช่วยชะลอความเร็วของน้ำ ช่วยลดการกัดเซาะ น้ำซึมลงไปเก็บในดินได้มากขึ้น ช่วยเก็บกักตะกอนดินที่ไหลมาจากด้านบนไม่ให้ไปตกตะกอนในแหล่งน้ำ ซึ่งกอหญ้าแฝกจะยืดตัวตามความสูงของตะกอนที่ทับถม ส่วนรากหญ้าแฝกที่อยู่ใต้ดินที่มีปริมาณมากและลึกจะช่วยเกาะยึดดินไม่ให้ถูกชะล้างพังทลายได้ง่าย จึงช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยฟื้นฟูดินเสื่อมโทรม และบรรเทาโลกร้อนได้เป็นอย่างดี.

Categories
กีฬา ทั้งหมด

การแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษ

การแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษระหว่างชมรมตะพานน้อย FC กับทีมชาริตี้พี่เพื่อน้องด้วย

สุทิน ประเสริฐศักดิ์ ประธานชมรมตะพานน้อย FC อ.บางสะพานน้อย พร้อมสมาชิกร่วมกับ รัฐพงศ์ ฟูเฟื่อง สมาชิกชมรมชาริตี้พี่เพื่อน้อง อ.บางสะพาน กว่า 90 คน จัดแข่งขันฟุตบอลให้นักเรียนโรงเรียนในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย และมีการแข่งขันฟุตบอลคู่พิเศษระหว่างชมรมตะพานน้อย FC กับทีมชาริตี้พี่เพื่อน้องด้วย ที่สนามกีฬาโรงเรียนบางสะพานน้อยวิทยาคม เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนทุกโรงเรียนของอำเภอบางสะพานน้อยด้วย

ทั้งนี้ชมรมฟุตบอลทั้งสองชมรม มีสมาชิกรวมกว่า 250 คน จัดกิจกรรมมอบสิ่งของให้กับโรงเรียนต่างๆ มานานกว่า 3 ปี โดยเฉพาะชมรมชาริตี้พี่เพื่อน้องนั้นมีสมาชิกทั้งสองอำเภอ และมีเตะฟุตบอลกระชับมิตรกับทีมฟุตบอลทุกอำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เกือบทุกเดือน.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่เทศบาลวิ่งแจ้น ขอคืนเงินจากร้านขายของเก่าแต่เช้า

เจ้าหน้าที่เทศบาลวิ่งแจ้น ขอคืนเงินจากร้านขายของเก่าแต่เช้า

จากกรณีที่เสาไฟรูปสับปะรดสำหรับส่องสว่างตลอดแนวริมชายหาดอ่าวประจวบฯ มูลค่าขณะติดตั้ง 80,000 – 100,000 บาท เกิดชำรุดเสียหายจากการถูกความเค็มของน้ำทะเลกัดเซาะเป็นเวลานาน จนเป็นสนิมผุพัง และบางส่วนหักโค่นลงมา และไม่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมแก้ไขให้สามารถกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อมาพบว่ามีการถูกนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า บริเวณถนนสุขสมบูรณ์ เขตเทศบาลเมืองประจวบฯ จนมีชาวบ้านพบเห็น และแจ้งให้กับสื่อมวลชนรับทราบ เนื่องจากมีความข้องใจว่าเสาไฟดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของหลวง แล้วนำมาขายให้ร้านรับซื้อของเก่าได้อย่างไร โดยที่ไม่ผ่านการเปิดประมูลจำหน่ายตามระเบียบทางราชการ เพื่อนำเงินที่ได้จากการประมูลส่งกลับคืนสู่หลวงตามขั้นตอน

ความคืบหน้าล่าสุด เช้าวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวไปที่ร้านรับซื้อของเก่าดังกล่าว และสอบถามกับเจ้าของร้านถึงความเป็นมา โดยเจ้าของร้านไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ขอให้กลับไปสัมภาษณ์หน่วยงานที่เอาเสาไฟฟ้ามาขายก่อน แต่ให้ข้อมูลเบื้องต้น ว่าเสาไฟรูปสับปะรดดังกล่าวมีรถกระเช้าสีส้มของทางเทศบาลบรรทุกนำมาขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยที่ตนเข้าใจว่าหน่วยงานต้นสังกัดรับทราบ และยินยอมให้นำเอามาขายให้กับตน แต่หลังจากที่เป็นกระแสข่าวขึ้นมา มีเจ้าหน้าที่พร้อมรถกระเช้าสีส้มคันเดิม ได้กลับมาขอเสาไฟต้นดังกล่าวคืนกลับไป พร้อมคืนเงินจำนวน 1,000 บาท ให้กับตน โดยอ้างว่าลูกพี่ให้มาขอเอากลับคืนไปก่อน ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และตนรับซื้อตามปรกติโดยไม่ทราบการได้มาสินค้าของลูกค้า ซึ่งทางร้านมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อความโปร่งใสว่าใครและรถคันไหน นำมาขายให้กับร้านตน

จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวที่ไปตรวจสอบ พบว่าเสาไฟฟ้าต้นที่ถูกนำมาขาย เป็นคนละต้นกันกับต้นที่ถูกสนิมกัดกร่อนจนหักโค่นริมชายหาด เนื่องจากมีสภาพที่สมบูรณ์กว่า จึงคาดว่ายังมีเสาไฟต้นอื่นอีกหรือไม่ ที่ถูกนำมาขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า และเสาไฟที่ถูกถอดออกจากเขื่อนกันคลื่นริมอ่าวประจวบฯ ยังอยู่ครบและเก็บไว้ตามจำนวนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ เพื่อสอบถามรายละเอียดและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ แจ้งว่าตนยังไม่ทราบรายละเอียด ขอสอบถามข้อมูลก่อน พร้อมกล่าวว่าเบื้องต้นเสาไฟรูปสับปะรดดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของเทศบาล เนื่องจากยังไม่ได้รับมอบจากหน่วยงานที่จัดสร้าง แต่เมื่อเกิดการชำรุดเสียหาย หรือหักโค่น และเสี่ยงเป็นอันตรายกับประชาชนและนักท่องเที่ยว เทศบาลจึงมีหน้าที่ดูแลเก็บทำความสะอาด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลไปเก็บเสาไฟที่ชำรุดเสียหายแล้ว ก็จะนำไปส่งมอบให้กับสำนักงานท่องเที่ยว หรือสำนักงานโยธา ซึ่งต้องดูว่าเสาไฟต้นนั้นเป็นของใคร

มีรายงานว่า เสาไฟส่องสว่างรูปสับปะรดที่ติดตั้งอยู่ตลอดแนวริมชายหาดอ่าวประจวบฯ มีมากกว่า 200 ต้น ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 จนถึงชุมชนเขาตาม่องล่าย ระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรับผิดชอบของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าต้นละประมาณ 80,000 ถึง 100,000 บาท แล้วแต่ขนาดความสูง ซึ่งส่วนใหญ่ชำรุดเสียหายและไม่สามารถใช้งานได้เกือบทั้งหมด บางส่วนมีไฟรั่วลัดวงจร จนเกิดเหตุไฟดูดประชาชนและนักท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้บางจุดมีการชำรุดแบบถาวร เนื่องจากมีการลักตัดสายไฟฟ้าไปขายอีกด้วย.

ภาพ/ข่าว : เอกภพ วงษ์ประเสริฐ

Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

กร นครปฐม คว้าแชมป์สนุกเกอร์หัวหิน พลิกแซงชนะ “ไฟว์” 4 – 3 เฟรม

กร นครปฐม คว้าแชมป์สนุกเกอร์หัวหิน พลิกแซงชนะ “ไฟว์” 4 – 3 เฟรม

วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพเก็บสะสมคะแนน รายการไทยแลนด์แรงกิ้งเซอร์กิต รอบสุดท้าย รายการที่ 5 หรือสมาชิกรัฐสภาไทย หัวหิน “THE THAI PARLIAMENTARY MEMBER ASSOCIATION : HUA HIN CUP, Thailand Raking Circuit 2023” ปิดฉากวันสุดท้ายที่โรงแรมหัวหินแกรนด์ โฮเทลแอนด์พลาซ่า อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานมอบรางวัล พร้อมด้วยนายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย นายศิรพันธ์ กมลปราโมทย์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ดร.รุ่งโรจน์ สีเหลืองสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมหัวหินแกรนด์ โฮเทลแอนด์พลาซ่า/ประธานจัดการแข่งขัน ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมชม โดยคู่ชิงชนะเลิศ แข่งระบบ 4 ใน 7 เฟรม เป็นการพบกันระหว่าง “กร นครปฐม” ภาสกร สุวรรณวัฒน์ จอมคิวร่างใหญ่อดีตแชมป์เอเชีย ที่ห่างหายจากแชมป์แรงกิ้ง มาสองปีเต็ม พบกับ “ไฟว์ นครนายก” บุญญฤทธิ์ เกียรติกุล เจ้าของแชมป์รายการสนามที่ 2 ที่ จ.ตรัง

เปิดมาเฟรมแรก กรพยายามเน้นเกม แทงกันเป็นส่วนใหญ่ แต่มีพลาดให้ขาวลอย ทำให้ไฟว์ได้ตบถึง 4 ครั้ง ชนะไปก่อน 58 – 16 ขึ้นนำ 1 – 0 เฟรม ขึ้นเฟรมสอง กรออกสตาร์ทได้ดี ตบนำก่อน 27 แต้ม แต่ยังพลาดให้ ไอ้รถถังนครนายก ไล่สอยไม้เดียว 75 แต้ม หนีไป 2 – 0 เฟรม เข้าเฟรมสาม เกมของกร นครปฐม ถึงแม้จะแทงบีบเกมได้ดี แต่ยังพลาดลูกตบ ทำให้ไฟว์มีโอกาสได้ตบบ่อยครั้ง จนเอาชนะไปอีก 72 – 42 ขึ้นแท่น นำ 3 – 0 เฟรม

เฟรมสี่ เกมออกมาสูสี กรยังคงแทงสู้อย่างอดทน ขณะที่ไฟว์ใช้อาวุธหนักเข้าใส่อย่างเดียว และมีโอกาสปิดเกมคว้าแชมป์ไปได้ ถ้าตบน้ำเงินข้างชิ่งบนลง ต่อด้วยชมพู แต่ไฟว์ นครนายก มาพลาดแทงน้ำเงินไม่ลง ทำให้กรตามซ้ำ ต่อด้วยชมพู เบียดเอาชนะไป 67 – 54 ตีไข่แตก 1 – 3 เฟรม พอได้เฟรมมา กรมีแรงฮึด ขณะที่ไฟว์ช็อตไปดื้อๆ แทงยังไงก็ไม่ลง ต่างจากกร ได้เข้าเบรคทุกเฟรม และเอาชนะไป 3 เฟรมรวด ทำให้กร นครปฐม แซงชนะไปอย่างเหลือเชื่อ 4 – 3 เฟรม 16 – 58, 27 – 84, 42 – 72, 67 – 54, 79 – 1, 85 – 27, 85 – 6 คว้าแชมป์ไปครองเป็นครั้งแรกในรอบสองปี พร้อมกับรับเงินรางวัล 200,000 บาท ส่วนรองแชมป์ บุญญฤทธิ์รับเงินรางวัล 80,000 บาท

หลังจบเกม กร นครปฐม กล่าวว่าไม่เคยคิดเลยว่าโดนนำถึง 3 เฟรม แล้วจะกลับมาแซงชนะได้ เพราะช่วงแรกตนแทงไม่ดีเลย ขณะที่ไฟว์อยู่ตรงไหนก็ลง ยังดีที่ไฟว์มาหลุดน้ำเงินในเฟรมที่สี่ จึงเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เกมของตนกลับมาสู้ต่อและคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แชมป์นี้ทำให้ตนมีกำลังใจ และหวังจะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยตนยังหวังที่จะกลับมาติดทีมชาติไทยอีกสักครั้ง แชมป์ระดับนานาชาติตนสามารถคว้ามาได้หมดแล้ว หรือแต่การคว้าเหรียญทองมหกรรมกีฬา ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ หรือเอเชียนอินดอร์แอนด์มาเชียลอาร์ตเกมส์ ยังมีความหวังที่จะได้สักครั้ง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สภาวัฒนธรรมหัวหินอบรมครูและนักเรียน ขับและแต่งบทเสภา รักษามรดกของชาติ

สภาวัฒนธรรมหัวหินอบรมครูและนักเรียน ขับและแต่งบทเสภา รักษามรดกของชาติ

วันที่ 8 กรกฎาคม 2566 นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมการขับและแต่งบทเสภา เพื่อสุนทรียภาพและการจัดการประกวดอย่างเป็นมาตรฐาน มี พระครูวิจิตรธรรมวิภัช เจ้าคณะอำเภอหัวหิน เจ้าอาวาสวัดบุษยะบรรพต, พระครูโอภาสกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลหัวหิน เขต 2 เจ้าอาวาสวัดสะพานขี้เหล็ก, นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน, อ.ณัฏฐกฤษฎิ์ อกนิษฐ์ธาดา เสภาอาเซียน, นายอมรเทพ อ่วมมีเพียร ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูนักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมสังกัดอำเภอหัวหิน และโรงเรียนระดับประถมศึกษาสังกัดเทศบาลเมืองหัวหิน จำนวน 56 คน เข้าร่วมโครงการ ที่โรงแรมหัวหินกอล์ฟวิลล่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นางกฤษณา แผ่แสงจันทร์ กล่าวว่า สภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน มุ่งเน้นการธำรงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ทางภาษาไทยในด้านการขับเสภา เพื่อพัฒนาศักยภาพการขับเสภาให้กับคณะครู นักเรียนในสถานศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้สืบทอดศิลปวิทยาการ และมรดกทางวัฒนธรรมในการขับเสภาให้คงอยู่คู่ชาติสืบไป ขอให้คุณครู นักเรียนที่ได้รับการอบรมในครั้งนี้ได้นำไปใช้ในการสืบสานรักษาและต่อยอด พร้อมทั้งนำไปเผยแผ่ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป การอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีของคณะครูและนักเรียนที่ได้รับความรู้จากวิทยากรที่มีชื่อเสียง มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในด้านการขับเสภา เป็นศิลปินหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้ปฏิบัติหน้าที่ขับเสภาน้อมเกล้าฯ ถวายในพระราชกรณียกิจการสร้างภาพยนตร์ Animation เรื่องพระมหาชนก และเป็นต้นแบบด้านคีตวรรณกรรมทำนองเสนาะ เสภา

นางลิษา อึ้งเห่ง กล่าวว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการขับและแต่งบทเสภา เพื่อสุนทรียภาพและการจัดการประกวดอย่างเป็นมาตรฐาน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพทางภาษาไทยในด้านการขับเสภาให้กับเยาวชนและครูผู้ปฏิบัติการสอนวิชาภาษาไทย ให้มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้สืบทอดศิลปะวิทยาการ แสดงความเป็นชาติและรากฐานของวัฒนธรรมไทยที่ควรอนุรักษ์ภาษาไทยให้ดำรงอยู่เป็นมรดกของชาติสืบไป รวมถึงส่งเสริมให้นักเรียนในสถานศึกษามีการดำรงรักษาภาษาไทยในการใช้เรียงร้อยถ้อยคำและออกเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ คณะครูได้ฝึกการแต่งกลอนเสภา เพื่อเป็นต้นแบบและนำไปใช้ในการเข้าประกวดขับเสภาต่อไปในอนาคต.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สถาบันการบินพลเรือนจัดโครงการสานฝันการบิน ครั้งที่ 15

สถาบันการบินพลเรือนจัดโครงการสานฝันการบิน ครั้งที่ 15

สถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะเป็นหน่วยงานผลิตและพัฒนาบุคลากรการบินเพื่อสนับสนุนและพัฒนากิจการการบินของประเทศ จัดโครงการสานฝันการบินครั้งที่ 15 มีนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ประธานกรรมการสถาบันการบินพลเรือน เป็นประธานในพิธีเปิด และมี น.ส.ภัคณัฏฐ์ มากช่วย ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมพิธีและให้การต้อนรับเยาวชน จำนวน 16 คน ที่ได้รับการคัดเลือกจากเยาวชนทั่วประเทศที่ส่งคลิปสั้นแนะนำสถาบันการบินพลเรือน บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจความฝันด้านการบินเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2566 ที่สถาบันการบินพลเรือน กรุงเทพฯ และศูนย์ฝึกการบิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

โครงการสานฝันการบิน เป็นการจัดกิจกรรมแบบบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยโครงการนี้ถือเป็นโครงการหลักที่ สบพ. จัดขึ้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และในโอกาสที่กระทรวงคมนาคมครบรอบ 111 ปี และ สบพ. ครบรอบ 62 ปี และเพื่อให้เยาวชนผู้สนใจได้มีโอกาสสัมผัสเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ เรื่องการบินอย่างถูกต้อง ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมทั้งยังสามารถนำเอาทักษะและความรู้ด้านการบินนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ประการสำคัญคือช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ หลักสูตรการเรียนการสอน และการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ของ สบพ. ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้าร่วมกิจกรรมแบบ Onsite และขึ้น Observe Flight ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยได้รับการสนับสนุนกิจกรรมจากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) บริษัท บุญรัตน์พัฒนา จำกัf ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด หน่วยงานพันธมิตรในสังกัดกระทรวงคมนาคม สายการบินต่างๆ

นอกจากนั้นในกิจกรรมวันที่ 2 ของโครงการสานฝันการบิน ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหินมอบหมายให้นายอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหินเป็นผู้แทน พร้อมคุณวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ คุณธนิดา เรืองยศ ประธานฝ่ายการตลาดของเทศบาลหัวหิน/ชะอำ มาร่วมงานและขึ้นทำการบิน Observe Flight ร่วมกับครูการบิน จากนั้นได้ร่วมหารือแนวทางความร่วมมือในการสนับสนุนภารกิจของศูนย์ฝึกการบิน ให้เป็นหนึ่งกิจกรรมที่สร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหัวหินในโปรแกรม Demo Flight โดยสถาบันการบินพลเรือน ชวนมาลองเป็นนักบินได้ใน 1 ชั่วโมง กับหลักสูตร Demonstration flight ไม่มีประสบการณ์ก็มาบินได้

กิจกรรมทดลองบิน (Demonstration Flight) จะได้สัมผัสประสบการณ์การเป็นนักบินกับครูการบินผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมทั้งชมวิวสุดแสนประทับใจของเมืองและชายหาดหัวหินอันสวยงาม ซึ่งกิจกรรมนี้ สถาบันฯ เพิ่งเริ่มดำเนินการได้รับความสนใจจากผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่ยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง จากการหารือกันเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะได้ดำเนินงานร่วมกันและจะมีการเชิญผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ และหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ มาช่วยโปรโมทกิจกรรมดังกล่าว ภายใต้แคมเปญใหม่ของหัวหินต่อไป

สำหรับโครงการฯ ครั้งนี้มีเยาวชนจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกเยาวชนที่จัดทำคลิปสั้นได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2566 จำนวน 16 คน ดังนี้ 1. น.ส.ปุณยาพร จิตรำพรรณ์ โรงเรียนชลราษฎรอำรุง จ.ชลบุรี 2. นายอิทธิวัฒน์ คุณวัฒน์ โรงเรียนจิตรลดา กรุงเทพฯ 3. นายอชิตะ สุทธิวาณิชกุล โรงเรียนศูนย์การเรียนดิเอสเซนส์ กรุงเทพฯ 4. นายสุริยะ ใบเงิน โรงเรียนมัธยมจิตจัณ จ.สงขลา 5. นายชิษณุชา ธรณีพิศาล สถาบันการบินพลเรือน กรุงเทพฯ 6. น.ส.ปานฝัน เหมาะประสิทธิ์ สถาบันการบินพลเรือน กรุงเทพฯ 7. นายอชิตะ คำมาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ จ.นครนายก 8. นายนรวีร์ กฤษณกรรณ์ โรงเรียนชลประทานวิทยา จ.นนทบุรี 9. นายกลพัฒน์ คานีเยาว์ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ 10. น.ส.นนธิชา กาละปักษ์ โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า กรุงเทพฯ 11. นายนนทพัทธ์ โกมลสวรรค์ โรงเรียนดาวทองวิทยาลัย จ.นครนายก 12. น.ส.ศรัญรัชต์ เรืองประทุม โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา 13. นายคณิศร ศรีสุข โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จ.กระบี่ 14. นายธีทัต นามวงค์ โรงเรียนสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ กรุงเทพฯ 15. นายชินพัฒน์ อินทร์ขาว โรงเรียนเดชอุดม จ.อุบลราชธานี 16. นายวชิรวิชญ์ ตาบม่วง โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เยาวชนได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานบนหอบังคับการบินหัวหินของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และได้ฝึกกับเครื่องฝึกบินจำลอง และเรียนรู้การขับเครื่องบินกับครูการบินที่มีชั่วโมงบินและประสบการณ์สูง ถือเป็นโครงการนำร่องที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ทักษะด้านการบินอย่างถูกต้องจาก สบพ. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านการบินของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อด้านการบินในอนาคตของผู้เข้าร่วมโครงการอีกด้วย

นอกจากนี้ กิจกรรมในครั้งนี้ สบพ. ยังได้มอบรางวัลชมเชยให้แก่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 5 คน ได้แก่ นายมนัสวิน ถนอมศิลป์ สถาบันการบินพลเรือน นายนภนต์ ชะลอกลาง โรงเรียนมัธยมสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร นายธนภัทร นคราพานิช โรงเรียนวัดเขียนเขต นายปฏิพัทธ์ เรืองศรี โรงเรียนเทพมิตรศึกษา และนายถิรชัย สุริยะเมศิล โรงเรียนเทพศิรินทร์ และยังได้รับการสนับสนุนของรางวัลจากหน่วยงานพันธมิตรในสังกัดกระทรวงคมนาคม และสายการบินต่างๆ มาจับรางวัลเพื่อมอบให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมในโครงการด้วย ทั้งนี้ สามารถติดตามและรับชมคลิปวิดีโอของผู้ผ่านการคัดเลือก และประมวลภาพกิจกรรมโครงการสานฝันการบิน ครั้งที่ 15 ได้ทางเฟซบุ๊ก : CATC Thailand ต่อไป.