Categories
ข่าว ทั้งหมด

หัวหินตื่นตัวเดินรณรงค์ป้องกันโรคไวรัสซิกา หลังพบผู้ป่วย 14 ราย

หัวหินตื่นตัวเดินรณรงค์ป้องกันโรคไวรัสซิกา หลังพบผู้ป่วย 14 ราย

วันที่ 21 ธันวาคม 2566 นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน เป็นประธานเปิดกิจกรรม “Big Cleaning Day” รณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อโดยแมลง (โรคติดเชื้อไวรัสซิกา, โรคไข้เลือดออก, โรคไข้ปวดข้อยุงลาย) ที่สวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบฯ มีนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดอำเภอหัวหิน นายเจนวิท ผลิศักดิ์ สาธารณสุขอำเภอหัวหิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อสม. ชุมชนต่างๆ คณะครูและนักเรียนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ตั้งแต่สวนสาธารณะโผน กิ่งเพชร ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาล ก่อนแยกย้ายไปสำรวจและทำลายแหล่งเพาะลูกน้ำยุงลายในพื้นที่เป้าหมาย

นายพลกฤต พวงวลัยสิน กล่าวว่า สถิติของอำเภอหัวหิน ขณะนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกาจำนวน 14 ราย ใน 3 ตำบล จึงร่วมกับสาธารณสุขอำเภอ และเครือข่ายต่างๆ จัดกิจกรรมรณรงค์ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โดยเฉพาะยุงลายที่เป็นพาหะ ประชาชนให้ความสนใจ มีการแจกปลาหางนกยูงให้ไปกำจัดลูกน้ำยุงลาย แจกทรายอะเบท เราทำกิจกรรมเหมือนกับไข้เลือดออกทุกอย่าง เน้นในเรื่องของบ้านเรือน ขยะต่าง ๆ แหล่งน้ำ ที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง เนื่องจากการพ่นหมอกควันตามถนน จะเข้าไม่ถึงบ้านเรือน ต้องอาศัยความร่วมมือตรงนี้ รวมถึงเด็กๆ สนุกสนานกับกิจกรรมนี้ นำกลับไปเผยแพร่ที่โรงเรียน ไปบอกผู้ปกครอง กระจายไปยังเพื่อนบ้าน หมู่บ้าน ชุมชน ตำบล อำเภอ เพื่อจะได้ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งและป้องกันโรคจากยุงลายครั้งนี้

ด้านนายเจนวิท ผลิศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้มีผู้ป่วย 14 ราย หลักสำคัญคือเราจะต้องรณรงค์ป้องกันเพื่อไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ไม่ให้ยุงกัด เราก็จะไม่ป่วย การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ต้องร่วมมือพร้อมๆ กันทุกหลังคาเรือน เพื่อสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนในพื้นที่ หลังจากที่ทุกคนมาร่วมกิจกรรมนี้ได้กลับไปทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายที่บ้าน ไม่ให้มีลูกน้ำที่จะไปแพร่กระจายในพื้นที่อำเภอหัวหินของเราต่อไป.

ข่าวแนะนำ
Categories
สังคม

แข่งฟุตบอลประเพณีสัมพันธ์ประจำปี 2566

ข่าวสังคม

ศิรพันธ์ กมลปราโมทย์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และอติชาติ ชัยศรี รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นำทีม VIP หัวหิน (เทศบาลเมืองหัวหิน) แข่งฟุตบอลประเพณีสัมพันธ์ประจำปี 2566 ระหว่างเทศบาลเมืองหัวหิน กับโรงเรียนนายสิบทหารบก ณ สนามฟุตบอลโรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน โดยมีพลตรีสมพร ด่อนสิงหะ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก และพันเอกยงยุทธ หาญสมศรี รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก เข้าร่วมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประธาน ป.ป.ช.เปิดสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดประจวบฯ

ประธาน ป.ป.ช.เปิดสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดประจวบฯ

วันที่ 21 ธันวาคม 2566 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธานเปิดที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวรายงาน และมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายปฏิวัติ ธนากรรัฐ อัยการจังหวัด พล.ต.ต.จำลอง งามเนตร ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ น.อ.สามารถ ว่องทรงเจริญ รอง ผบ.กองบิน 5 นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายก อบจ.ประจวบฯ นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ กรรมการ ป.ป.ช. รองเลขาฯคณะกรรมการ ป.ป.ช. หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน ภาคเอกชน ชมรมสตรองจิตพอเพียงต้านทุจริต เครือข่ายภาคประชาชน เข้าร่วม มี น.ส.จุฑารัตน์ เหลืองเพิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบฯ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ในเขตพื้นที่ภาค 7 ร่วมต้อนรับ ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบฯ ถนนประจวบคีรีขันธ์ ต.ประจวบฯ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพระเทพวชิรสุธี เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ ฝ่ายธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร เป็นประธานพิธีสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์จำนวน 9 รูปสวดเจริญพระพุทธมนต์

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีภารกิจ 3 ด้าน ได้แก่ด้านป้องกันการทุจริต ด้านปราบปรามทุจริต และด้านตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ช. มีการแบ่งส่วนราชการในส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค จำนวน 9 แห่ง และ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อีกจำนวน 76 จังหวัด เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระดับพื้นที่ ให้สามารถครอบคลุมได้ทั่วประเทศ อีกทั้งเพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ประชาชนที่มาติดต่อราชการด้านป้องกันการทุจริต ด้านปราบปรามการทุจริต รวมถึงด้านตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินได้อย่างสะดวก ตนมั่นใจว่า ประชาชนทุกคนที่มารับบริการ ณ ที่ทำการแห่งนี้ จะได้รับการบริการด้วยความจริงใจ อย่างมืออาชีพ ด้วยกระบวนการยุติธรรมที่เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันอย่างยั่งยืน ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้แก่ข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบฯ และเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ภาค 7 ทุกคน เป็นกำลังสำคัญในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานในการต่อต้านการทุจริตและสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวถึงประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์การก่อสร้างอาคารที่ทำการหลังใหม่ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าที่ทำการในจังหวัดประจวบฯครั้งแรกในปี 2556 ในชื่อ“สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์”ได้รับความอนุเคราะห์จาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ ให้ใช้สถานที่เป็นที่ทำการของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชั่วคราวและต่อมาได้มีการย้ายที่ทำการของสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อีกหลายครั้ง รวมแล้วถึง 4 ครั้ง

ต่อมาในปี 2565 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 37,300,000 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบฯ พร้อมสิ่งก่อสร้าง บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ปข. 611 (บางส่วน) ต.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 3 ไร่ 1.60 ตารางวา ของกรมธนารักษ์ โดยอาคารหลังนี้ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 450 วัน อาคารที่ทำการหลังนี้ตั้งอยู่ เลขที่ 187 ถนนประจวบคีรีขันธ์ ต.ประจวบฯ อ.เมือง จ.ประจวบฯ โครงสร้างถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น

อาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประชาชนมาติดต่อราชการ รองรับการบริการด้านปราบปรามการทุจริต ด้านการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้านการส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยประสานความร่วมมือกับ ภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาติดต่อราชการ ให้ได้รับการบริการที่มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนงานด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานราชการ ซึ่งปัจจุบัน สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดประจวบฯ มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่จำนวน 16 คน.

บุญมา ลิบลับ….รายงาน

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

วนอุทยานเขานางพันธุรัต จับมือราชภัฏเพชรบุรี เตรียมตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน

วนอุทยานเขานางพันธุรัต จับมือราชภัฏเพชรบุรี เตรียมตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายพัฒนพันธ์ เจือจันทร์ หัวหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต พร้อมด้วย ผศ.พจนารถ บัวเขียว รอ’อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ลงพื้นที่วนอุทยานเขานางพันธุรัต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนเตรียมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในวนอุทยานเขานางพันธุรัต ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยจะดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ หรือจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเน้นให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในทุกๆ กิจกรรมของวนอุทยานเขานางพันธุรัต

นายพัฒนพันธ์ เจือจันทร์ กล่าวว่าปัจจุบันวนอุทยานเขานางพันธุรัต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นจุดเช็คอินของอำเภอชะอำ เช่น กระจกนางพันธุรัต ถนนสีรุ้ง จุดชมวิวทุ่งเศรษฐี บ่อชุบตัวพระสังข์ ลานหินดึกดำบรรพ์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมปั้น – ยิงเมล็ดพันธุ์แห่งความดี กิจกรรมดูนก ชมฟอสซิล กิจกรรมเพาะชำนำสุข และในปีนี้ วนอุทยานเขานางพันธุรัตได้เชิญชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านนายาง เข้ามาเป็นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยาน (อส.อส.) เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พัฒนาการท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งวนอุทยานฯ มีการท่องเที่ยวหลายรูปแบบ ทั้งการท่องเที่ยวเชิงครอบครัว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล การท่องเที่ยวที่เป็นกลางทางคาร์บอน การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ซึ่งการที่วนอุทยานเขานางพันธุรัตได้จับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ให้เป็นอีกหนึ่งการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และสามารถส่งเสริมพัฒนาชุมชนท้องถิ่นได้อย่างเป็นรูปธรรม.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หนุ่มอาสากู้ภัยรับแกะสลักป้ายไม้ เสริมงานสัก สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

หนุ่มอาสากู้ภัยรับแกะสลักป้ายไม้ เสริมงานสัก สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

วันที่ 19 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับคุณจิรวัฒน์ วงศ์สวาท (ช่างเดี่ยว) อายุ 54 ปี อยู่บ้านนาห้วย หมู่ 3 ต.ปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังนั่งแกะสลักป้ายไม้อยู่ที่บริเวณหลังบ้าน ที่สร้างเป็นโรงงาน แบ่งเป็นห้องทำงานขนาดเล็กๆ โปร่งๆ โดยงานที่ช่างเดี่ยวนำไม้ทั้งเก่าและใหม่มาแกะสลักเป็นป้ายชื่อต่างๆ ตามที่ลูกค้าสั่ง ส่วนป้ายที่ทำ มีทั้งแบบตัวนูน ตัวลึกและตัวอักษร ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะทำป้ายชื่อที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้านและส่วนราชการ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่น ส่วนตอนบ่ายจะไปเปิดร้านสักลายที่ตลาดสี่แยกปราณ ที่ทำมานานแล้ว ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว หลังจากที่ผ่านมรสุมช่วงโควิด – 19 ระบาด ขณะนั้นอาชีพทั้งสองถูกสั่งให้ปิด ทำให้ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่าหลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไปเรียนต่อด้านวิชาชีพ ทำมาหลายอย่าง แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของเรา จึงเริ่มหัดสักครั้งแรก โดยสักขาตัวเองกับเพื่อนจนเกิดความมั่นใจ เริ่มรับลูกค้าและสักมาเรื่อยๆ ประมาณ 10 ปี จนเริ่มอิ่มตัว จึงมองหาอาชีพใหม่ พอดีไปรู้จักกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีอาชีพแกะสลักไม้ เลยฝากตัวเป็นศิษย์ที่บ้านศิลปินหัวหิน ตอนแรกที่เข้าไปฝึก อาจารย์ให้หัดลับสิ่วอย่างเดียวร้อยกว่าตัว ไม่ได้ให้ทำอะไรเป็นอาทิตย์ ตนอยู่ได้แค่สามวันก็ลักแกะป้ายก่อน พอดีอาจารย์ทวีผ่านมาเห็น เลยให้แกะป้ายให้ลูกค้า พอตนแกะได้ รู้สึกว่าชอบ ทำอยู่กับอาจารย์ทวีได้ประมาณสองปี ก็กลับมาอยู่บ้าน มาเปิดร้านสักที่ปราณและรับแกะป้ายด้วย โดยตอนเช้าจะแกะป้ายจนถึงประมาณ 14.00 น. จากนั้นไปเปิดร้านสักที่ตลาดสี่แยกปราณ

สำหรับงานรับแกะสลักป้ายไม้ มีด้วยกัน 3 แบบ แบบตัวนูน ตัวลึกและตัวแปะ ป้ายที่แกะใช้ไม้ได้ทุกชนิด ถ้าเป็นไม้สัก จะแก้ง่ายมากที่สุด ป้ายไม้ที่ทำแล้วแต่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ว่าต้องการป้ายขนาดไหน จะเอาไม้มาเอง หรือถ้าลูกค้าไม่มีไม้ เราก็จะหามาให้ลูกค้า ตัวอักษรที่จะสลักจะมีแบบให้ลูกค้าเลือก ราคาเริ่มต้น 500 บาท ตอนนี้ลูกค้าจะเป็นกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.ปราณ อ.หัวหิน ส่วนใหญ่จะทำเป็นป้ายที่ทำการ เนื่องจากน้องชายเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้เอาแบบป้ายไปลงในกลุ่มไลน์สิงห์ ทำให้มีคนทักเข้ามาสอบถามและสั่งทำตลอด ป้ายแบบตัวแปะ สามารถนำตัวอักษรมาติดภายหลังได้ แต่จะไม่ทนทาน อยู่ได้ไม่กี่ปี เดี๋ยวตัวหนังสือก็หลุด แบบตัวนูน ตัวลึกจะอยู่ได้เป็นร้อยปี ถ้ารักษาดีๆ

ในอนาคตมีแนวความคิดว่าจะทำให้ร่วมสมัยมากขึ้น อย่างเช่น แกะลายใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวอักษร จะเป็นรูปภาพ เสริมบ้านเลขที่ บารมี มังกร ถ้าป้ายซุ้มไก่ จะมีทั้งตัวอักษรและตัวไก่ด้วย หากใครสนใจ ติดต่อทางเฟซบุ๊ก คุณมะเดี่ยว หรือโทร. 082 – 7183491.

สมบัติ ลิมปจีระวงษ์….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

หลายหน่วยงาน ยึดอุปกรณ์เครื่องควบแน่น เกรงใช้ผลิตสิ่งเสพติด มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

หลายหน่วยงาน ยึดอุปกรณ์เครื่องควบแน่น เกรงใช้ผลิตสิ่งเสพติด มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายราม สิงหโศภิษฐ์ นายอำเภอทับสะแก พ.อ.สรายุทธ ศรลัมพ์ รองผู้บัญชาการ ชุด ฉก.จงอางศึก พ.ต.ท.สุทิน ทัดรัตน์ สว.สส.สภ.ทับสะแก น.ส.วิยะรัตน์ หนูเอก ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายวิโรจน์ ทองเกิด กำนันตำบลนาหูกวาง เจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.จงอางศึก เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 7 กอ.รมน.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์ยาเสพติดจังหวัดประจวบฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (สพฐ.7) เจ้าหน้าที่กองร้อย อส.อำเภอทับสะแก ที่ 6 ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบโกดังไม่มีชื่อ หลังได้รับแจ้งว่าน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาซุกซ่อน

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ได้เข้าตรวจสอบลักษณะเป็นโกดัง มีสังกะสีล้อบรอบ เบื้องต้นทราบชื่อผู้ดูแลคือนายโกจอ แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ถือบัตรสีชมพู เป็นผู้พาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ภายในโกดังพบลังไม้ ยาว 238 ซม. กว้าง 77 ซม. สูง 86 ซม. น้ำหนัก 153 กิโลกรัม นายโกจออ้างว่าภายในบรรจุเสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งสำหรับช่วยเหลือผู้ลี้ภัย แต่เมื่อเปิดฝาลังออกพบด้านในบรรจุหลอดแก้วอุปกรณ์เครื่องควบแน่น ความจุ 100 ลิตร มีทั้งหมด 10 ลัง หรือ 10 ชุด พร้อมอุปกรณ์ต่อขยาย ถ้าประกอบแล้วคล้ายๆ ห้องวิทยาศาสตร์ย่อมๆ ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวมีมูลค่าชุดละ 500,000 กว่าบาท รวม 10 ชุด มีมูลค่ากว่า 5,000,000 บาท โดยนำเข้ามาจากประเทศจีน และจะส่งออกชายแดนเพื่อนบ้าน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่ามีนายทุนมาเช่าที่ชาวบ้านรายหนึ่ง ในราคาปีละ 130,000 บาท โดยตอนแรกบอกว่าจะยกบ้าน ต่อมาบอกว่าจะทำเป็นโกดังที่จอดรถ แต่พอสร้างเสร็จจึงรู้ว่าเป็นโกดังเก็บของ และเมื่อคืนวันที่ 16 ธันวาคม มีรถบรรทุกนำสิ่งของเป็นอุปกรณ์เครื่องควบแน่น หรือหอกลั่น อุปกรณ์สกัดกลั่น ลักษณะกลั่นสิ่งของ หรือของเหลวบางชนิด เจ้าหน้าที่ได้อายัดตรวจสอบพร้อมตรวจยึด โดยกล่าวหาความผิดด้านพิธีการศุลกากรแจ้งสำแดงเป็นเท็จ.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แม่ค้าลูกชิ้นผีบอก เทลูกชิ้นหน้าศาลากลาง หลังถูกห้ามขายในตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้

แม่ค้าลูกชิ้นผีบอก เทลูกชิ้นหน้าศาลากลาง หลังถูกห้ามขายในตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 น.ส.น้ำค้าง ทรัพย์ศรี แม่ค้าลูกชิ้น “ผีบอก” พร้อม น.ส.ธนญา สุขธนะประเสริฐ เจ้าของแฟรนไชส์ “ลูกชิ้นผีบอก” ได้มาติดตามความคืบหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดประจวบครีขันธ์ หลังยื่นเรื่องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ให้ขายลูกชิ้นภายใต้ยี่ห้อลูกชิ้นผีบอกในตลาดประชารัฐ

น.ส.น้ำค้าง กล่าวว่าตนขายบาร์บีคิวตั้งแต่เริ่มเปิดตลาด โดยขายเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ต่อมาเริ่มขายไม่ค่อยดี รายได้ไม่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ จึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ “ลูกชิ้นผีบอก” มาขายในตลาดได้ 4 สัปดาห์ กับอีก 8 วัน ทางประธานกรรมการตลาดฯ สั่งห้ามขายลูกชิ้นภายใต้แฟรนไชส์ “ลูกชื้นผีบอก” โดยอ้างว่ายี่ห้อนี้ติดแบล๊คลิสต์ และทำการเพิกถอนการขาย สร้างความเดือดร้อนให้กับตน แถมแจ้งถูกความข้อหาบุกรุก ท้าทายให้ไปแจ้งทุกหน่วยงาน อ้างว่าไม่มีใครทำอะไรได้

น.ส.ธนญา เจ้าของแฟรนไชส์จึงเข้ามาช่วยเหลือ พาไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และร้องเรียนไปที่พัฒนาชุมชนอำเภอ พัฒนาการจังหวัด และร้อง สส.ในพื้นที่ แต่เรื่องเงียบ ไม่มีการนัดเจรจาหรือไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด

วันนี้จึงมาติดตามเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน เข้าร่วมประชุม เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมแจ้งว่าดำเนินการให้แล้ว ผู้เสียหายขอให้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประธานกรรมการตลาด มาพูดคุยปัญหา อย่างน้อยขอให้เยียวยาผู้ขายที่เดือดร้อนก่อน ซึ่งที่ประชุมนัดพูดคุยกับผู้ที่กี่ยวข้องทุกหน่วยงานอีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 นี้ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความไม่พอใจ จนนำลูกชิ้นและน้ำจิ้ม มาเทหน้าศากลางจังหวัด ท่ามกลางความตกใจของเจ้าหน้าที่และผู้มาใช้บริการ.

พันธ์พงษ์ โพธิ์จินดา….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เสริมทักษะยุคดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “ความสำคัญของ MarTech กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ในยุค Digital Era”

เสริมทักษะยุคดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “ความสำคัญของ MarTech กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ในยุค Digital Era”

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ จับมือ สมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาด โดยความร่วมมือกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดอบรมสื่อมวลชนเพื่อเสริมทักษะยุคดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “ความสำคัญของ MarTech กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ในยุค Digital Era”   

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566  ณ ห้องแมนดาริน ซี ชั้น 1 โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพฯ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในโครงการความร่วมมือองค์กรสื่อขับเคลื่อนพัฒนาวิชาชีพและส่งเสริมจริยธรรมสื่อเพื่อสร้างระบบนิเวศสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดให้มีการฝึกอบรม One Day Training แลกเปลี่ยน – เรียนรู้กับกูรูออนไลน์ ประจำปี 2566 ครั้งที่ 2  หัวข้อ “ความสำคัญของ MarTech กับอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล ในยุค Digital Era” โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาด (MerTech)  ในการจัดอบรมในครั้งนี้ วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรด้านการผลิตข่าว การตลาด รวมทั้งการสร้างรายได้ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อในยุคดิจิทัล มีสมาชิกผู้เข้าอบรม จำนวน 58 ท่าน

การอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณชุตินธรา วัฒนกุล ที่ปรึกษาสมาคมฯ และบรรณาธิการบริหารข่าวออนไลน์ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) กล่าวต้อนรับวิทยากร และผู้เข้ารับการอบรม

คุณชุตินธรา กล่าวว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีสื่อสารเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรามีข้อมูลขนาดมหาศาลที่เรียกว่า Big Data เกิดขึ้น การตลาดดิจิทัลก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเครื่องมือมากมายเลยสำหรับการทำการตลาด สามารถจะเอามาใช้ในการวิเคราะห์ในการวางกลยุทธ์ เราจะนำคอนเท้นท์ไปถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างไร จะหากลุ่มเป้าหมาย อย่างไร และจะนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มอะไร เราจะปรับปรุงพัฒนาตัวคอนเท้นท์ของเราให้มีประสิทธิภาพอย่างไร เครื่องมือการตลาดสามารถช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้ หวังว่าความรู้และทักษะที่ผู้อบรมจะได้รับจากผู้บรรยาย จะสามารถที่นำไปประยุกต์ พัฒนา ปรับปรุงเนื้อหาของเราให้มีคุณภาพ วางแผนกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพร้อมรับมือ AI ที่กำลังจะมา”

ด้าน คุณนันทสิทธิ์ นิตย์เมธา นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ กล่าวว่า “นับว่าเป็นโอกาสดีที่ผู้บริหารคนรุ่นใหม่กลุ่ม Start up ในสมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาดได้มาแชร์ความรู้ ประสบการณ์ทำงาน ในด้าน MerTech เพื่อตอบคำถามของสื่อมวลชนว่า เป้าหมายการทำงานต่อจากนี้จะเป็นไปในทิศทางไหน แกนหนึ่งที่สำคัญคือ  “เรื่องของข้อมูล” เป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้อย่างยิ่ง สามารถไปต่อยอดในด้านกลยุทธ์หรือการขายก็ได้  เช่น  ข้อมูลของเพจ “ส่องสื่อ” ที่รวมรวม Engagementโดยจัดเรียงอันดับ ทำให้เราเห็น ความสัมพันธ์ของจำนวนการโพสต์ กับจำนวนผู้ติดตามในแต่ละเพจอย่างชัดเจน ” 

การอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณจิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ นายกสมาคมเทคโนโลยีเพื่อการตลาด หรือ MarTech มาบรรยายถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดมาช่วยในการปรับปรุง หรือ สร้างวิธีการทำงานแบบใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด  “MarTech คือ เครื่องมือที่ทำให้การทำการตลาดยุคใหม่ไม่ต้องใช้วิธี Manual เราสามารถทำแบบ Automation ได้ ซึ่ง MarTech มาจากการความก้าวหน้าของการใช้  Software ที่อยู่บนคลาวด์ SAAS (Software AS A Services)  ใช้ประโยชน์ได้มากมาย อาทิเช่น การเก็บข้อมูลจาก Social การช่วยตัดสินใจในธุรกิจ (Data Driven Business) ช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้า การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) การทำการตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation)”

คุณกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wisesight ให้มุมมองเรื่องการทำงานที่ท้าทายในปัจจุบัน Trend ของ Social media ไม่ได้หยุดแค่ Social Media  เพราะบริบทของ Social Media หมายถึง ผู้บริโภคทั้งหมด What Next 2024 มาดูกันว่า ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และคอนเท้นท์บน Social media มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไร บริบทของสังคมในภาพใหญ่ ปรับเปลี่ยนอย่างไร เพื่อให้เราสามารถวางแผนกลยุทธ์ หรือวาง Tactic ได้ว่าในปี 2024  เราควรจะปรับตัวเรื่องอะไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงในเชิงปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI Disruption ถ้าใครปรับตัวใช้งานปัญญาประดิษฐ์ได้ก่อน ก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบในปี 2024 ค่อนข้างมาก “ในอนาคต งานจะเหมือนเดิม แต่วิธีการทำงานจะเปลี่ยน ถ้าเราทำเหมือนเดิม เราจะตกยุค”

คุณณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์  ผู้บริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท พรีดิกทีฟ  (Predictive) ผู้ให้บริการด้าน Data Intelligent กล่าวถึง “การนำเครื่องมือ เทคโนโลยีการตลาดมาใช้ ทั้งในด้าน กระบวนการ วิธีคิด และกลยุทธ์ ในฐานะสื่อจะสามารถสร้างรายได้มากขึ้นจากการใช้ข้อมูล ไม่ว่าจากการวิเคราะห์ Segmentation ต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาบนเว็บไซต์ ว่าเขาต้องการอะไรบ้าง ทั้งในแกนของ นักการตลาดและแกนของผู้ใช้งาน  พวกเขามีความคาดหวังอย่างไรบ้าง เราสามารถนำข้อมูล มาสร้างมูลค่าเพิ่มในการหารายได้อย่างไร ซึ่งกระบวนการคิดจะเริ่มจาก ต้องรู้ว่าปัจจุบันข้อมูลที่มีอยู่ในองค์กร ที่จัดเก็บมาเป็นสิบๆ ปีมีตรงไหนบ้าง นำมาสร้างมูลค่าให้เราได้ การนำข้อมูลไปสร้างธุรกิจใหม่ๆ หรือสามารถ Monetized เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกิดขึ้น เช่น การทำ CPM ถ้าเรานำข้อมูลมาวิเคราะห์แยกแยะประเภทของข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้น เราก็จะอาจจะขายได้ในมูลค่าที่มากกว่าเดิม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราวางกลยุทธ์ไว้ สามารถนำไปสร้างรายได้อย่างไรบ้าง ข้อมูลไม่ได้มาฟรี ๆ คุณต้องลงทุนเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า ”

คุณภาวัต พุฒิดาวัฒน์  ผู้บริหาร บริษัท โกเซล  (Gosell) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้าน ระบบจัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าออนไลน์ กล่าวถึงการทำการตลาด  Ecommerce & Affiliated Marketing ว่า สื่อทุกค่ายมี Follower หรือผู้ติดตามจำนวนมากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยังขาดไปคือ การเพิ่มช่องทางการขาย เช่นการทำ Affiliate การเพิ่มรายได้จากฝั่ง E commerce นำไปปรับใช้กับธุรกิจสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตมากขึ้น และแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้คือ TikTok ที่ Disruption วิธีการขาย Affiliate แบบเก่า กลายมาเป็นรูปแบบของคลิปวีดีโอ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับกลุ่ม Influencer

คุณชนกานต์ ชินชัชวาล ผู้บริหาร บริษัท Robolingo (ZWIZ.AI) ผู้ให้บริการระบบ AI Chat Bot และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก บรรยายในหัวข้อ “ Social Commerce” แนะการหารายได้ บนช่องทาง Social Media เช่น Facebook  Line, IG, TikTok และ การนำ Automation Tool  มาช่วยในการขาย เช่น ออกรายการทีวีแล้วปิดการขายผ่าน Line ผ่าน Chat Facebook มีตัวช่วยเยอะมาก ถ้าสื่อบวกกับ MarTech ในเชิงการใช้เครื่องมือต่าง ๆ จะช่วย Brand และผู้ประกอบการ เรื่องยอดขายได้มากขึ้น เพิ่ม Reach การเข้าถึงได้มากขึ้น การออกแบบโครงสร้าง Chatbot ให้ดี ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และนำไปสู่การเพิ่มยอดขายได้

คุณอัจฉริยะ ดาโรจน์ ผู้บริหารบริษัท AIYA บรรยายในหัวข้อ Proximity Marketing หรือการทำการตลาดแบบใกล้ชิด โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น  การทำ Location base Marketing ใน Line Application เป็นการตลาดที่น่าสนใจ มุ่งเน้นไปที่การเจาะกลุ่มลูกค้าตามโลเคชั่นเฉพาะจุดใดจุดหนึ่ง สามารถวัดสถิติได้ เป็นการสื่อสารที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถสร้างผู้ติดตามใน Line

กล่าวโดยสรุป การใช้เทคโนโลยีในการทำการตลาดยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจ มีความสำคัญต่อการปรับตัวขององค์กรสื่อ เพื่อมองหาโอกาสในการหารายได้เพิ่ม และเรียนรู้เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงเนื้อหา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เล็งเห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการพัฒนาบุคคลากรองค์กรสื่อให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น และโครงการ One Day Training เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพดังกล่าวให้เกิดขึ้น

#สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ #SONP #Onedaytraining #Influencermarketing #tellscore #กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ประจวบฯ เปิดตัว “น้องนิ้งค์” เข้าชิงชัยนางสาวไทยคนที่ 55

ประจวบฯ เปิดตัว “น้องนิ้งค์” เข้าชิงชัยนางสาวไทยคนที่ 55

ช่วงค่ำวันที่ 17 ธันวาคม 2566 กองประกวดนางสาวไทยประจวบฯ โดยนายณชพัฒน์ ชินวัตร ผู้ถือลิขสิทธิ์นางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567 จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567 (Miss Thailand Prachuapkirikhan 2024) มีพลตรีอาวุธ พุทธอำนวย ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์, นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน, นายสรรภพ อึ้งรัศมี สท.หัวหิน, นายธีรยุทธ สุขลาภ ผู้ช่วยผู้จัดการศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน และแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมฟัง

การประกวดนางสาวไทย เดิมเรียกว่าการประกวดนางสาวสยาม ภายใต้สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย จัดขึ้นเพื่อส่งผู้ชนะเลิศเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดนางงามจักรวาล ปีนี้ดำเนินการจัดการประกวดโดยบริษัท ทีพีเอ็นโกลบอล ในสโลแกนประกวด from Local to Global เฟ้นคัดสาวงามอย่างไทยทั้ง 77 จังหวัด ประชันความงามเพื่อค้นหานางสาวไทยคนที่ 55 สำหรับจังหวัดประจวบฯ ได้เปิดตัวน้องนิ้งค์ น.ส.พรศิริกุล พั่วทา อายุ 26 ปี นางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567 พร้อม รองนางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2567 น้องปังปอนด์ น.ส.จิตรลดา ภัทรสกล อายุ 22 ปี และน้องออมสิน น.ส.กชอร วชิรานุกูล อายุ 19 ปี โดยมีน้องขนม น.ส.พัชรา กฤษณเศรณี อายุ 26 ปี นางสาวไทยประจวบคีรีขันธ์ 2566 ร่วมแสดงความยินดี ซึ่ง น้องนิงค์จะต้องทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม เผยแพร่ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม รวมไปถึงการนำเสนอของดี แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดประจวบฯ ให้ปรากฏแก่สายตาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และพร้อมพัฒนาศักยภาพ เตรียมความพร้อมในการประกวดบนเวทีการประกวดนางสาวไทย คนที่ 55 เพื่อช่วงชิงมงกุฎประทับตราวชิราวุธอันทรงเกียรติแห่งปี และจะเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปร่วมประกวดมิสเวิลด์ 2024 (Miss World 2024) ต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

แอนโทเนีย และ สจ.บอย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของแสตมฟอร์ด

แอนโทเนีย และ สจ.บอย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของแสตมฟอร์ด

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ได้จัดพิธีประสาทปริญญาบัตรครั้งที่ 24 มี บัณฑิตปริญญาเอก ปริญญาโทและปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษา จำนวนทั้งสิ้น 1,231 คน จากนานาประเทศรวม 41 ประเทศ เข้าร่วมงานพิธีประสาทปริญญาบัตร และได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตและตัวแทนจากสถานทูตกว่า 15 ประเทศ ร่วมในพิธีครั้งนี้ ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ทั้งนี้หนึ่งในพันธกิจของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด คือ การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยในยุคดิจิทัล เพื่อผลักดันนักศึกษาก้าวสู่ความเป็นบัณฑิต ให้มีความรู้ ความสามารถในอาชีพของตนในระดับนานาชาติ อีกทั้งบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในปี 2566 นี้ มาจากหลากหลายชาติ รวม 41 ประเทศ ซึ่งเป็นส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ และผลักดันให้บัณฑิตกลายเป็นประชาชนโลก Global Citizens ที่มีศักยภาพที่ดีด้วย โดยวิทยาเขตหัวหิน – ชะอำ มีผู้จบการศึกษาทั้งสิ้น 234 คน อาทิ คุณจำนงค์ บุตรสงค์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมวิรันดา รีสอร์ท แอนด์วิลล่า หัวหิน – ชะอำ และโรงแรมเวอโซ หัวหิน จบการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และคุณนฤมล ฉายอรุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู.ที.2014 (ปั้ม ปตท.ทับสะแก) จบการศึกษาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเช่นกัน

พร้อมกันนี้มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ได้มอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ให้กับ“แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สปี 2023 และมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2566 ซึ่งจบการศึกษาเมื่อปี 2565 ในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะนิเทศศาสตร์ และนายทวีสิน พัฒนาภิรัส หรือ สจ.บอย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบฯ จบการศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เมื่อปี 2555 ครั้งนายทวีสิน ยังเป็น ส.อบจ.ประจวบฯ ได้ทำประโยชน์สู่สังคม บริหารงานอย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน อบจ.ประจวบฯ จนถึงปัจจุบัน และได้สนับสนุนกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยดีตลอดมา โดยมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดร่วมแสดงความยินดีกับแอนโทเนีย โพซิ้ว ที่ได้มุ่งมั่น ตั้งใจ สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยและประเทศไทยในเวทีชาติและเวทีระดับโลก รวมถึงมีความพร้อมที่จะริเริ่มโครงการช่วยเหลือสังคมในทุกมิติของไทยต่อไป พร้อมกันนี้“แอนโทเนีย โพซิ้ว”ได้ขึ้นเวทีเป็นตัวแทนศิษย์เก่า กล่าวสุนทรพจน์และกล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ด้วย.