Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชุมชนหาดบ้านกรูด รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2568

ชุมชนหาดบ้านกรูด รับรางวัลสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2568

วันที่ 30 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานมอบเกียรติบัตรให้กับชุมชนหาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ที่ผ่านการคัดเลือกจาก 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ เที่ยวชุมชน ยลวิถี ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ห้องประชุม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัด มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม จัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด

สืบเนื่องจากสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพ และความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างสรรค์ในทุกมิติ จำนวน 10 ชุมชน จากทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชุมชน และผู้ให้การสนับสนุน พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง เกิดการพัฒนาต่อยอด ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ซึ่งชุมชนหาดบ้านกรูดได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นชุมชนต้นแบบ”เที่ยวชุมชน ยลวิถี ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทุกภาคส่วนเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 108 ปี

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทุกภาคส่วนเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติ เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 108 ปี

วันที่ 30 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานเนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย ประจำปี 2568 โดยมี พญ.บุษกร สวัสดิ์แสน นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชนและนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรม โดยถือธงชาติไทยเดินจากหน้าศาลากลางจังหวัด หลังใหม่ มายังบริเวณหน้าเสาธง ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า จากนั้นเวลา 08.00 น. ร่วมกันเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทยอย่างเสียงดังกึกก้อง

ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ได้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2460 ซึ่งในปี 2568 ครบรอบ 108 ปีแห่งการมีธงไตรรงค์เป็นสัญลักษณ์ของชาติ อันสะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นเอกราช ความเสียสละของบรรพบุรุษไทยทุกยุคสมัย ในการปกป้องรักษาแผ่นดินให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อปลูกฝังความรักชาติ และเสริมสร้างความสามัคคีของบุคลากรในสังกัด รวมทั้งกำหนดให้มีการชักและประดับธงชาติไทยในวันดังกล่าวเพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เร่งขับเคลื่อน 8 อำเภอ พัฒนาท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพ

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ เร่งขับเคลื่อน 8 อำเภอ พัฒนาท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพ

วันที่ 29 กันยายน 2568 นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ เป็นประธานมอบนโยบายให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 1/2568 ที่ห้องสิงขร โรงแรมประจวบแกรนด์ อ.เมืองประจวบฯ มีนายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสมเจตน์ จันทนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด นายราชัย ชลสินธุ์สงครามชัย ผู้อำนวยการโครงการบูรณาการ การท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมกว่า 120 คน เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ

นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน กล่าวว่า การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นเรื่องเฉพาะทางที่ต้องใช้ประสบการณ์และความรู้ของหน่วยงาน คือ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO มาร่วมทำงานด้วยกันกับทุกภาคส่วน ทั้งชุมชน เครือข่ายวิสาหกิจ โดยสิ่งที่อยากฝาก คือการค้นหาสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ เช่น เรื่องของสมุนไพรที่สามารถนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้การท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ เป็นที่รู้จักในตลาดท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม/อาหาร อย่างกว้างขวาง ทั้งในและต่างประเทศ คือการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งขณะนี้จังหวัดมี PKN Platform ซึ่งชุมชนหรือเครือข่าย สามารถจัดทำเนื้อหาเรื่องราวของแหล่งท่องเที่ยว สินค้าชุมชน วัฒนธรรม เผยแพร่บนแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ เป็นการเพิ่มโอกาสของจังหวัดให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติ เป็น Green & Wellness Citty ในระยะต่อไป ซึ่งจังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายปรีดา สุขใจ กล่าวว่า แม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก แต่หลายคนคงได้รับทราบถึงการดำเนินงานเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืนที่เบโด้ ดำเนินการอยู่ในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อโครงการ MBT เป็นโครงการที่เบโด้ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก มีระยะเวลาทำงาน 4 ปี หรือสิ้นสุดโครงการในปี 2569 ทั้งนี้จังหวัดประจวบฯ มีต้นทุนทางธรรมชาติที่ดี สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืนบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ หลังจากที่ผ่านมา เบโด้ได้ทำการศึกษาในพื้นที่นำร่อง 3 อำเภอ คือ ปราณบุรี สามร้อยยอด และกุยบุรี ซึ่งอยู่ในโครงการจัดทำแผนแม่บทการท่องเที่ยวเป็นพื้นที่แรกของประเทศไทย โดยจะมีการนำเสนอแผนการดำเนินงานให้กับจังหวัด เพื่อพิจารณาบรรจุลงในแผนงาน/โครงการ นำไปสู่การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒาด้านต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ถนนเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดประจวบฯ จากการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความหลากหลายทางชีวภาพ

ด้านนายราชัย ชลสินธุ์สงครามชัย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาในพื้นที่ 3 อำเภอนำร่องของจังหวัดประจวบฯ พบว่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งสัตว์และพืชจำนวนมาก สามารถวางแผนสร้างกลไกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ได้ และนำรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากการท่องเที่ยวกลับมาใช้ในการฟื้นฟูดูแลรักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม เป็นการสร้างเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในชุมชนอย่างยั่งยืน.

Categories
ข่าว ท่องเที่ยว ทั้งหมด

วนอุทยานเขานางพันธุรัต รับรางวัลพระราชทาน ‘Thailand Tourism Awards 2025’ ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดีเด่น

วนอุทยานเขานางพันธุรัต รับรางวัลพระราชทาน ‘Thailand Tourism Awards 2025’ ประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติดีเด่น

นายพัฒนพันธ์ เจือจันทร์ หัวหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต เข้ารับพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย 15th Thailand Tourism Awards 2025 จากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยวนอุทยานเขานางพันธุรัตได้รับพระราชทานรางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Outstanding Awards) ประเภทแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) สาขาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ (Nature & Park) จัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา มีนางดวงใจ คุ้มสอาด ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเพชรบุรี ร่วมแสดงความยินดี ซึ่งรางวัลที่ได้รับดังกล่าวนับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงคุณค่า ความงดงามทางธรรมชาติ และศักยภาพของวนอุทยานเขานางพันธุรัต ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ได้จัดการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อยกย่องเชิดชูผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาคุณภาพ และรักษามาตรฐานการให้บริการที่มีความเป็นเลิศ สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ผลงานที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะได้รับรางวัล “กินรี” อันทรงคุณค่า เพื่อเป็นเครื่องหมายสะท้อนถึงการรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน รางวัลนี้จึงเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศ ที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่หน่วยงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะช่วยรับรองการส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าและน่าประทับใจ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวคุณภาพ เสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีความโดดเด่น ทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม อัตลักษณ์ความเป็นไทย ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลก เพื่อให้ประเทศไทย สามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก

สำหรับพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15 ประจำปี 2568 เป็นส่วนหนึ่งของ Grand Celebration ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยในปีนี้ได้มีการแบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่พักนักทองเที่ยว ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเภทรายการนำเที่ยว และประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน ซึ่งมีผลงานที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 151 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเกียรติยศ (Hall of Fame) 6 รางวัล รางวัลยอดเยี่ยม (Thailand Tourism Excellence Awards 17 รางวัล รางวัลดีเด่น (Thailand Tourism Outstanding Awards) 59 รางวัล และรางวัลแห่งความยั่งยืน (Thailand Tourism Sustainability Awards) ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษที่มอบครั้งแรกในปีนี้ ให้แก่ผู้ประกอบการที่มีความยอดเยี่ยมในด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน และรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม จำนวน 69 รางวัล.

ข่าวแนะนำ
Categories
กีฬา ข่าว ทั้งหมด

สุวัจน์เปิดมวยสุดมันส์ Legend Fighting Championships 2025 แฟนมวยเชียร์แน่นบลูพอร์ต

สุวัจน์เปิดมวยสุดมันส์ Legend Fighting Championships 2025 แฟนมวยเชียร์แน่นบลูพอร์ต

ช่วงค่ำวันที่ 27 กันยายน 2568 การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เดอะเลเจ้นท์อารีน่า และศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จัดการแข่งขัน Legend Fighting Championships (LFC) 2025 : มวยไทยสร้างชาติ โดยมี “วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ โปรโมเตอร์การแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อน “มวยไทย” เป็นพลัง Soft Power สู่เวทีระดับโลก พร้อมดึงดูดความสนใจจากแฟนกีฬาทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผ่านสังเวียนมวยไทยรูปแบบร่วมสมัย ที่ผสานทั้งมวยไทยคาดเชือกและมวยไทยสวมนวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว งานนี้ได้รับเกียรติจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วยนายปรีดา สุขใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ นายประสูตร หอมบรรเทิง นายอำเภอหัวหิน น.ส.จิราวรรณ บุญฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานประจวบฯ นายสรรภพ อึ้งรัศมี รองนายกเทศมนตรีนครหัวหิน นายสมชาย กระแจะเจิม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบฯ พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.หัวหิน นายเจนวิท ผลิศักดิ์ สาธารณสุขอำเภอหัวหิน นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ นางวาสนา ศรีกาญจนา ที่ปรึกษาสมาคมฯ แขกผู้มีเกียรติจากแวดวงต่างๆ และแฟนมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมากร่วมชมเชียร์การแข่งขัน ณ เวทีมวยชั่วคราว หัวหินคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าบลูพอร์ตหัวหิน จ.ประจวบฯ ถ่ายทอดสดทั่วประเทศทางช่อง 8 หมายเลข 27 ทางออนไลน์ Youtube, เฟซบุ๊ก : LFC

เวทีแห่งเกียรติยศครั้งนี้ ได้รวบรวมสุดยอดนักมวยจากประเทศไทยและนานาชาติ มาร่วมประชันฝีมือในรูปแบบมวยไทยคาดเชือก และมวยไทยสวมนวม ทั้งหมด 7 คู่ ให้แฟนมวยได้ร่วมลุ้นไปกับการแข่งขันอันดุเดือดของนักชกระดับแนวหน้าจากไทยปะทะนักสู้ต่างชาติ คู่ที่ 1 (มวยหญิง พิกัด 54 กก.) Negin Afshin Shahinfar (อิหร่าน) พบกับน้องนิว ส.สุภาพ (ไทย), คู่ที่ 2 (พิกัด 59 กก.) Oo Nay Win (เมียนมา) พบกับอุดมเล็ก ณุ ปราณบุรี (ไทย), คู่ที่ 3 (พิกัด 60 กก.) Saw Ae Shee (เมียนมา) พบกับฤทธิชัย ช.วชิระ (ไทย), คู่ที่ 4 (พิกัด 65 กก.) Mohsen Golali Fartotfard (อิหร่าน) พบกับเจนภพ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ไทย), คู่ที่ 5 (พิกัด 62 กก.) Saw Hel Do Say (Natkhat Min) (เมียนมา) พบกับมหาหิน ศ.นิยมทรัพย์ (ไทย), คู่ที่ 6 (พิกัด 60 กก.) Reza Aliakbar Dostielmi (อิหร่าน) พบกุมารทอง ศ.นิยมทรัพย์ (ไทย) และคู่ที่ 7 (พิกัด 62 กก.) Mohammed El Qarn (โมร็อกโก) พบกับงาดำ หลงมวยไทย (ไทย) การแข่งขัน Legend Fighting Championships : มวยไทยสร้างชาติในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการผลักดันศิลปะมวยไทยสู่ระดับนานาชาติ ผ่านพลัง Soft Power อย่างแท้จริง โดยมีภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนร่วมขับเคลื่อน พร้อมส่งเสริมหัวหินให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านกีฬาและวัฒนธรรมไทยในเวทีโลก.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

“ม.ศิลปากร” ผนึกกำลัง “พราวรีสอร์ท หัวหิน” MOU พัฒนาบัณฑิต หลักสูตรใหม่ด้านธุรกิจกีฬาและนันทนาการ

“ม.ศิลปากร” ผนึกกำลัง “พราวรีสอร์ท หัวหิน” MOU พัฒนาบัณฑิต หลักสูตรใหม่ด้านธุรกิจกีฬาและนันทนาการ

วันที่ 26 กันยายน 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์จอมภัค คลังระหัด รองคณบดีฝ่ายบริหาร นายนฐา ชมเสวี กรรมการบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด น.ส.พีรญา สกุลคง ผู้จัดการคลับอารีน่า หัวหิน ผศ.ดร.ณัฏฐนา ลีฬหรัตนรักษ์ รองคณบดีฝ่ายจัดการศึกษา ผศ.ดร.ธนกฤต สังข์เฉย หัวหน้าสาขาวิชาการจัดการ การท่องเที่ยว น.ส.วันทนี เอมบำรุง ผู้จัดการกลุ่มอาวุโสด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และประสานงานองค์กร ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพนักศึกษาและบุคลากรในสาขาวิชาการจัดการธุรกิจกีฬาและนันทนาการ ที่อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษามหาวิทยาลัย ร่วมเป็นสักขีพยาน

คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับ บริษัท พราวรีสอร์ท หัวหิน จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการอารีน่า หัวหิน เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพนักศึกษาและบุคลากรในสาขาวิชาการจัดการธุรกิจกีฬาและนันทนาการ การลงนามในครั้งนี้เพื่อพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการธุรกิจกีฬา นันทนาการและเวลเนส ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ของคณะที่จะเปิดรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2569 โดยมุ่งเน้นการสร้างบัณฑิตที่มีศักยภาพ ทั้งด้านความรู้ทางวิชาการและการวิจัย สามารถบูรณาการความรู้ทางการจัดการกีฬา นันทนาการ เวลเนส และศิลปวิทยาการที่สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัย

โดยรายละเอียดความร่วมมือที่สำคัญ คือ 1.ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (CWIE) 2.คณะวิทยาการจัดการจะสนับสนุนบุคลากรและนักศึกษาให้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์กับบริษัท ในขณะที่บริษัทจะให้การสนับสนุนด้านแหล่งฝึกปฏิบัติงานและจัดสหกิจศึกษาตามหลักสูตร 3.ส่งเสริมการทำวิจัยและสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของทั้งสองฝ่าย 4.ความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2568 ถึงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2573 โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคณภาพและเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในอนาคต.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

พระยังต้องฝึก กุยบุรีจัดฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เน้นกระจายความรู้ให้นำไปใช้ได้จริง

พระยังต้องฝึก กุยบุรีจัดฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เน้นกระจายความรู้ให้นำไปใช้ได้จริง

วันที่ 26 กันยายน 2568 นายอร่าม ญาณแก้ว นายอำเภอกุยบุรี เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 70 พรรษา ที่หอประชุมสงฆ์ วัดกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ มี นพ. ทรงวุฒิ ชนะอุดมสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุยบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน มีพระราชรัตนวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดประจวบฯ เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี นายมานพ ตั้งบูรพาจิตร์ รองนายก อบจ.ประจวบฯ ประธานชมรมคนรักกุยบุรี พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆ อาทิ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตำรวจ ท้องถิ่น และมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิ วัดกุยบุรีร่วมในพิธี รวมกว่า 100 คน ซึ่งดำเนินงานโดยมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีโรงพยาบาลกุยบุรีจัดการอบรม

นพ.ทรงวุฒิ ชนะอุดมสุข นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุยบุรี กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 70 พรรษา และเพื่อดำเนินการตามแนวทางพระราชดำรัสขององค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พระองค์อยากให้ประชาชนชาวไทยมีความรู้อย่างถูกต้องในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หรือ CPR และการใช้เครื่องช็อกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนมีจิตอาสา มีทักษะและความมั่นใจในการช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุหมดสติ ไม่หายใจ และหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ให้ทันเวลาภายใน 4 นาที จะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาด้วยสภาวะสมองไม่ได้รับการเสียหายจากการขาดออกซิเจน สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ต่อไป เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในการดำรงชีวิตของคนไทย

โดยกิจกรรมการอบรมในวันนี้ ประกอบด้วยการให้ความรู้ เรื่องการปฐมพยาบาลในผู้ใหญ่ เด็กโต เด็กทารกที่หมดสติและไม่หายใจ การใช้เครื่องช็อกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED และการช่วยเหลือผู้ที่สำลักอาหาร และที่ไฮไลท์ คือ วัดกุยบุรีได้ส่งพระสงฆ์เข้ารับการอบรมด้วยจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ควรจะทำเป็นในทุกวงการ เพื่อช่วยชีวิตคนเจ็บป่วยได้ทันท่วงที

นายอร่าม ญาณแก้ว กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ช่วยสร้างเสริมความปลอดภัยในการดำรงชีวิตประจำวันให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอกุยบุรี การฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หรือ CPR และการใช้เครื่องช็อกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED นับเป็นเรื่องที่สำคัญในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ เพราะเป็นวิธีช่วยชีวิตของผู้ที่ประสบเหตุหมดสติ หยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นอย่างกะทันหัน ให้ทันเวลาและต้องช่วยด้วยความถูกต้อง การที่ประชาชนได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว จะส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในบทบาทที่สำคัญ นั่นคือลดภาวะการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร สร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม.

พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กองบิน 5 จัดเลี้ยงเกษียณขอบคุณทหารอากาศปฏิบัติหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าไทย

กองบิน 5 จัดเลี้ยงเกษียณขอบคุณทหารอากาศปฏิบัติหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าไทย

ช่วงเย็นวันที่ 25 กันยายน 2568 นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 เป็นประธานจัดงานเลี้ยงขอบคุณ และสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการทหารอากาศกองบิน 5 พร้อมครอบครัว จำนวน 6 นาย ที่เกษียณอายุราชการและย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ประจำปี พ.ศ.2568 ที่บริเวณอาคารโรงเก็บเครื่องบิน ฝูงบิน 501 กองบิน 5 อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ภายใต้ชื่องาน “ก้าวพ้นวันวาน ด้วยผลงานอันยิ่งใหญ่” มีข้าราชการทหารอากาศกองบิน 5 พร้อมครอบครัว แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนในพื้นที่เข้าร่วมงานโดยพร้อมเพรียง

โดยข้าราชการทหารอากาศกองบิน 5 ที่เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2568 มีดังนี้ 1.น.อ.ยินดี ทองแผ่น รรก.หน.ผขส.บน.5 2.น.อ.เมธี เวทไธสง รรก.หน.ผชย.บน.5 3.น.ต.ปองศักดิ์ พุ่มพวง ข้าราชการทหารอากาศประจำ บน.5 4.ร.ท.ศุภวิชญ์ โชติชม ข้าราชการทหารอากาศประจำ บน.5 5.นางพรรทิพา นาคสังข์ พนักงานธุรการ บน.5 และ 6.ร.อ.เพ็ญพักตร์ ขำเขียว ผบ.มว.ขส.ร้อย.สนน.พัน.อย.บน.5

นอกจากนี้ ยังถือโอกาสเป็นการเลี้ยงส่งให้กับข้าราชการทหารอากาศที่ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 ซึ่งเตรียมย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กองจัดหายุทโธปกรณ์ สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ กบ.ทอ.(สนามบินดอนเมือง) และมีนาวาอากาศเอก รัตนศักดิ์ โพธิ์แก้ว มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองบิน 5 คนต่อไป มีข้าราชการทหารอากาศกองบิน 5 พร้อมด้วยครอบครัว และอดีตข้าราชการทหารอากาศ เข้าร่วมมอบช่อดอกไม้เพื่อร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจด้วยความอบอุ่น

นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการทหารอากาศ และพนักงานลูกจ้างทุกนาย ที่ได้ปฏิบัติงานร่วมกันอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยดีเสมอมา รวมถึงพี่น้องข้าราชการทหารอากาศที่ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ปกป้องน่านฟ้าไทย ขอให้ทุกคนมีความสุขสมหวังในชีวิตอาชีพหน้าที่การงาน และในทุกๆ เรื่อง.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ…..รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

กองทัพบก จัดครบรอบ 1 ทศวรรษอุทยานราชภักดิ์ เทิดทูนองค์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ไทย

กองทัพบก จัดครบรอบ 1 ทศวรรษอุทยานราชภักดิ์ เทิดทูนองค์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์ไทย

วันที่ 26 กันยายน 2568 พลเอก อุดมเดช สีตบุตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ ที่อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ ในโอกาสครบรอบ 1 ทศวรรษ อุทยานราชภักดิ์ โดยมีพลเอกนพนันต์ ชั้นประดับ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นผู้แทนกองทัพบก รวมทั้งอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงกองทัพบก, อดีตประธานมูลนิธิราชภักดิ์, คณะกรรมการบริหารอุทยานราชภักดิ์, ผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกในพื้นที่ส่วนกลางและในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ, หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมในพิธี จากนั้นได้ร่วมพิธีสงฆ์บำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามที่ห้องบรรยายอุทยานราชภักดิ์

กองทัพบกพร้อมด้วยส่วนราชการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์เพื่อประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ของสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ 7 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายน์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนพื้นที่ของกองทัพบก จำนวน 222 ไร่เศษ ในเขตอำเภอหัวหิน เพื่อประกาศเกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีคุณูปการสำคัญยิ่งต่อประเทศชาติและเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ทั้งนี้ กองทัพบกได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้จัดสร้าง และพระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์” มีความหมายว่า อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยังความปลื้มปีติมาสู่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสูงสุด ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร) เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา (ในขณะดำรงพระอิสริยยศ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา) ทรงเปิดอุทยาน เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2558 นับถึงวันนี้เป็นระยะเวลา รวม 10 ปี

พร้อมกันนี้คณะกรรมการมูลนิธิราชภักดิ์ มีมติเห็นชอบให้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสที่อุทยานราชภักดิ์ครบรอบ 1 ทศวรรษ ประกอบด้วยกิจกรรมวิ่ง “1 ทศวรรษ อุทยานราชภักดิ์ RUN FOR LOYALTY” เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 มีนักวิ่งให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 3,000 คน เงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำเข้าสมทบกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ เพื่อใช้ในการทำนุบำรุงอุทยานฯ ให้มีความสง่างามและสมพระเกียรติต่อไปในอนาคต

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อุทยานราชภักดิ์ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์บูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ และชื่นชมความสง่างามของอุทยานราชภักดิ์ อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมการไหว้ครูมวยไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติและเป็นมรดกของชาติไทย รวมทั้งเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้มวยไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งได้มีการจดบันทึกสถิติโลกการไหว้ครูมวยไทย (Guinness World Records) ในปี 2566 และจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังมีการจัดกิจกรรมวิ่งการกุศลต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หรือการจัดกิจกรรมทางศาสนา เป็นต้น.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 เทศบาลนครหัวหินจบแล้ว

นักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 เทศบาลนครหัวหินจบแล้ว

วันที่ 25 กันยายน 2568 นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหิน เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้จบหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน รุ่นที่ 7 จำนวน 150 คน ที่ห้องนเรศดำริห์ สำนักงานเทศบาลนครหัวหิน จ.ประจวบฯ มีรองนายกเทศมนตรี คณะผู้บริหาร ประธานสภาเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล ปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความยินดี

นายนพพร กล่าวว่า โรงเรียนผู้สูงอายุ วิ’ลัย วัยหวาน จัดโดยกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองหัวหิน รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 7 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่รุ่นที่ 1 – 6 พบว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้เข้าร่วมโครงการประกอบไปด้วยผู้สูงอายุและผู้ที่เตรียมเข้าสู่วัยสูงอายุในเขตเทศบาลนครหัวหิน เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความรู้ความเข้าใจด้านการดูแลสุขภาพกายและจิตใจ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงวัย โดยจัดกิจกรรมนันทนาการด้านการออกกำลังกาย เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย จิตใจ ให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า เกิดความภาคภูมิใจและเพิ่มศักยภาพให้กับตนเอง ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีอาชีพ มีรายได้ด้วยการฝึกอาชีพ และได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิที่จะได้รับตามกฎหมาย และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าเรียนได้แสดงศักยภาพของตนเอง เป็นการลดปัญหาภาวะซึมเศร้า ภาวะติดบ้าน และภาวะติดเตียงในวัยผู้สูงอายุ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีที่มีต่อกัน นำความรู้ ความชำนาญที่มีอยู่ของตนเองไปถ่ายทอดสู่ชุมชนหรือช่วยเหลือสังคมต่อไป ซึ่งเมื่อจบคาบเรียนตามกำหนดแล้วเทศบาลจะมอบใบประกาศนียบัตรให้กับผู้เข้าเรียนทุกคน.