Categories
ข่าว ทั้งหมด

คุมประพฤติประจวบฯ จัดกิจกรรมเพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่ดีกว่า

คุมประพฤติประจวบฯ จัดกิจกรรมเพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่ดีกว่า

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นายวสันต์ เภรีวิค ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มอบหมายให้นายปิยชาติ ไฮ้คง พนักงานคุมความประพฤติชำนาญการ กรมยุทธศาสตร์และผู้อำนวยการ พร้อมด้วย ร.ต.ต.สานิต เมฆเจริญ นายชนิด ยอดแก้ว อาสาความประพฤติและคณะอาสาสมัครคุมประพฤติ (อ.ส.ค.) อำเภอเมืองฯ เจ้าหน้าที่สำนักงาน และผู้ถูกคุมประพฤติ จัดค่ายอบรม ตามโครงการโปรแกรมพื้นฐาน โปรแกรมใจพร้อม ภายใต้แผนงานป้องกันปราบปรามและบำบัดผู้ติดยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ศูนย์คุมความประพฤติภาคประชาชน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2566

นายปิยชาติ ไฮ้คง กล่าวว่าวันนี้ให้ผู้ที่ถูกคุมความประพฤติมารายงานตัว และผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดในรูปแบบค่ายกิจกรรม โปรแกรมพื้นฐาน โปรแกรมใจพร้อม มีผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม รวม 41 คน พร้อมเจ้าหน้าที่คุมความประพฤติพร้อมวิทยากร และอาสาสมัครคุมความประพฤติ สำหรับผู้ที่เข้าค่ายในครั้งนี้เป็นผู้ที่ได้เข้ารับการฟื้นฟูแบบไม่ต้องควบคุมตัว โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องโทษในคดียาเสพติด ซึ่งต้องได้รับการบำบัดเพื่อกลับไปใช้ชีวิตปกติที่ดีกว่า หลังการถูกปล่อยตัวจากการคุมความประพฤติต่อไป นายปิยชาติกล่าว.

พิสิษฐ์ รื่นเกษม….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รัฐมนตรีเกษตรฯ วางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

รัฐมนตรีเกษตรฯ วางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องใน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2566 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงคิดค้นวิจัยพัฒนาก่อกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง ที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าที่ร้อยตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมพิธี ภายในงานมีการจัดแสดงงานวิจัยโครงการฝนหลวง ได้แก่ โครงการวิจัยและพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการพ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ หรือ Ground Based Generator Technology เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงสำหรับพื้นที่เขตเงาฝนบริเวณภาคเหนือของประเทศ และโครงการวิจัยและพัฒนาจรวดดัดแปรสภาพอากาศ ที่ใช้เพื่อสนับสนุนการทำฝนหลวงในพื้นที่ ที่เครื่องบินทำฝนหลวงเข้าถึงลำบาก นอกจากนี้ประธานในพิธีได้มอบรางวัลแก่อาสาสมัครฝนหลวงดีเด่นระดับภูมิภาค ประจำปี 2566 จำนวน 7 รางวัล จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการภายในหอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของฝนหลวง ขั้นตอนการทำฝนหลวง รวมทั้งห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันพระบิดาแห่งฝนหลวง มีจุดเริ่มต้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยีอนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ทรงพบว่าราษฎรเดือดร้อน พืชผลเสียหายจากทั้งฝนแล้งและน้ำท่วม จึงเกิดแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้เมฆที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้านั้น กลายเป็นเม็ดฝนตกลงมาในพื้นที่ได้ ถือเป็นต้นกำเนิดของแนวพระราชดำริ “โครงการพระราชดำริฝนหลวง” และได้พัฒนาด้านการปฏิบัติการให้มีความแม่นยำมากขึ้น รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการปฏิบัติการฝนหลวง ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2545 กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อจารึกไว้เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย และเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทย จะได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยในปีนี้ครบรอบปีที่ 68 แห่งการก่อกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่บางสะพานน้อย

รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ นำทีมช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่บางสะพานน้อย

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ พร้อมด้วยนายประมวล พงศ์ถาวราเดช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจวบฯ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย นายกเทศบาลตำบลบางสะพานน้อย วิศวกรก่อสร้างทางรถไฟรางคู่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณตลาดบางสะพานน้อยและสถานีรถไฟบางสะพานน้อย ภายหลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอบางสะพานน้อย ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลลงอ่างเก็บน้ำช้างแรกและล้นสปิลเวย์ ไหลบ่าเข้าท่วมสวนปาล์ม สวนยางพารา ตลาดบางสะพานน้อย ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร และไหลบ่าลงทะเล ผ่านหมู่ 2 และ หมู่ 10 ของตำบลบางสะพานน้อย ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือน ประชาชนสัญจรไปมาด้วยความลำบาก เบื้องต้น รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเปิดพื้นที่เส้นทางน้ำบริเวณทางรถไฟ เพื่อให้น้ำระบายลงคลองได้สะดวกยิ่งขึ้น ล่าสุดสถานการณ์น้ำได้คลี่คลายลดลงแล้ว เหลือท่วมผิวจราจรในชุมชนประมาณ 20 เซนติเมตร

ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบฯ ถึงสถานการณ์ฝนตกน้ำล้นอ่างเก็บน้ำช้างแรก ตั้งแต่เวลา 15.00 น.ของวันที่ 12 พฤศจิกายน และตกหนักเวลาตี 4 ของวันที่ 13 พฤศจิกายน ปริมาณน้ำฝนรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา วัดได้ 140 มม. ในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำช้างแรก ซึ่งบรรจุน้ำได้ 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร ล้น ส่งผลให้น้ำไหลบ่าเข้าตลาดบางสะพานน้อย ในเขตเทศบาลฯ และน้ำไหลบ่าเพื่อลงทะเล ผ่านหมู่ 2 และหมู่ 10 ของตำบลบางสะพานน้อย ขณะนี้ยังคงมีฝนตกเล็กน้อย พร้อมกันนี้ อำเภอบางสะพานน้อยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แจ้งให้ชาวบ้านรับทราบข้อมูลเป็นระยะๆ และยกของที่อาจเสียหายขึ้นเหนือน้ำแล้ว ส่วนพื้นที่น้ำท่วมบริเวณบ้านเรือนประชาชน ประมาณ 150 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรและสัตว์เลี้ยงที่ได้รับผลกระทบ อยู่ระหว่างการสำรวจ สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้รับการดูแลให้ความช่วยเหลือโดยฝ่ายปกครอง ตำรวจ หน่วยทหารพราน อส. และ ปภ.ประจวบฯ อย่างต่อเนื่อง คาดว่าหากฝนไม่ตกซ้ำ น้ำจะระบายลงทะเลหมด ก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

ขณะที่ นาวาอากาศเอก พงศ์ชนินทร์ นุชประเสริฐ ผู้บังคับการกองบิน 5 พร้อมด้วยรองผู้บังคับการกองบิน 5 เสนาธิการกองบิน 5 นำเจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 5 สำรวจพื้นที่อำเภอบางสะพาน เพื่อประเมินความเสี่ยง และเตรียมรับมืออุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 5 หากเกิดเหตุการณ์ พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนต่อไป.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

บลูพอร์ตหัวหิน มอบความสุขในเทศกาลลอยกระทงกับงาน “Touch of Thainess Loi Kratong Festival”

บลูพอร์ตหัวหิน มอบความสุขในเทศกาลลอยกระทงกับงาน “Touch of Thainess Loi Kratong Festival”

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหาร บริษัท หัวหินแอสเสท จำกัด เปิดเผยว่าศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบฯ พร้อมด้วยพันธมิตร เตรียมจัดงานเทศกาลลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ “Touch of Thainess Loi Kratong Festival” ระหว่างวันที่ 22 – 27 พฤศจิกายนนี้ ที่โซนกิจกรรมริมน้ำ ชั้น G และลานกิจกรรมพราวไทย ชั้น B บลูพอร์ต หัวหิน สนุกสนานไปกับการชม ชิมและช้อปสินค้าไทยในพราวไทย ซึมซับวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ที่ตกแต่งบรรยากาศโดยรอบด้วยความงามแบบไทยๆ พร้อมเชิญชวนให้ทุกท่านร่วมลอยกระทงแบบรักษ์สิ่งแวดล้อมใช้วัสดุจากธรรมชาติ ได้ภายในบ่อน้ำที่บลูพอร์ต หัวหิน ปีนี้ บลูพอร์ตหัวหินมุ่งเน้นการใช้ประเพณีไทย เป็น Soft Power ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากลอยกระทงเป็นอีกหนึ่งประเพณีไทยที่ได้รับการยอมรับจากสากล เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

ภายในงานพบกับนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของประเพณีลอยกระทง การแต่งกายชุดไทยและการรื่นเริงต่างๆ ในเทศกาลลอยกระทง, การแสดงการละเล่นแบบไทย รำวง รำกลองยาว บรรเลงดนตรีไทยร่วมสมัย วันที่ 25 – 27 พฤศจิกายนนี้ที่ลานกิจกรรมพราวไทย ชั้น B กิจกรรมการสาธิตการนุ่งห่มอย่างไทยในรูปแบบต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อยุธยาและเครื่องแต่งกาย บริการเช่าชุดไทยพร้อมถ่ายเช็คอินในบรรยากาศแบบไทยๆ พิเศษสุด !!! เฉพาะลูกค้าบลูพอร์ตหัวหิน ช้อปครบ 3,000 บาท รับสิทธิ์เช่าชุดฟรี 3 ชั่วโมง สาธิตการทำกระทงพร้อมเรียนรู้วิธีการทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ พิเศษ !!! ลูกค้าบลูพอร์ตหัวหิน ช้อปครบ 3,000 บาท ที่พราวไทย รับสิทธิ์ทำกระทงฟรีทันที พร้อมด้วยวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เตรียมไว้ให้

น.ส.วจี กลมเกลี้ยง กล่าวอีกว่า “ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่บลูพอร์ตได้ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ และจัดกิจกรรมให้ลูกค้าของบลูพอร์ตได้มีส่วนร่วมเสมอมา ปีนี้บลูพอร์ตมุ่งเน้นกิจกรรมที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อร่วมอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีของไทย สร้างปรากฏการณ์ความงามอย่างยั่งยืน โดยเลือกสรรและรณรงค์ในการใช้กระทงใบตอง ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติให้ทุกคนได้ร่วมสืบสานประเพณี รักษาธรรมชาติอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน โดยมีการสาธิตการประดิษฐ์กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและกระทงที่ย่อยสลายได้อีกด้วย จึงขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างปรากฏการณ์ความงามในประเพณีลอยกระทง กับงาน “Touch of Thainess Loi Krathong Festival” สัมผัสความเป็นไทยไปกับเทศกาลลอยกระทง ตั้งแต่วันที่ 22 – 27 พฤศจิกายนนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลูพอร์ตหัวหิน โทร.032 – 905111, เฟซบุ๊ก : Bluport Hua Hin Official หรือ Line : @Bluport.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

เทศบาลบ้านกรูด เสวนาส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกลดและแยกขยะระดับประถมศึกษา

เทศบาลบ้านกรูด เสวนาส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกลดและแยกขยะระดับประถมศึกษา

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นายอิศรา กาญจนรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านกรูด จัดงานเสวนาโครงการส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกด้านการลดและแยกขยะระดับประถมศึกษา พร้อมด้วยนายสหรัถ สังคปรีชา หรือ “ก้อง นูโว” นายโชติวิทย์ ธรรมสุจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มศว.ปทุมวัน รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน นางเนาวรัตน์ สายชุมอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์ ทสจ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ปรางทิพย์ อนันตวิภาต ประธานมูลนิธิคุณ นางจุฑาทิพย์ อิทธิศุภเศรษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดดอนยาง และรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองมงคล ในฐานะประธานศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษากลุ่มโรงเรียนธงชัย เสวนาโครงการส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกด้านการลดและแยกขยะระดับประถมศึกษา ณ ชายหาดบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นายอิศรา กาญจนรัตน์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์การจัดเสวนาโครงการส่งเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกด้านการลดและแยกขยะระดับประถมศึกษา ณ โรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร มีตัวแทนนักเรียนจากศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา กลุ่มโรงเรียนธงชัย ประกอบด้วยโรงเรียนวัดธงชัยธรรมจักร โรงเรียนวัดดอนยาง โรงเรียนวัดถ้ำคีรีวงศ์ โรงเรียนบ้านหนองมงคล และโรงเรียนบ้านหนองระแวง เข้าร่วมกิจกรรม โดยคณะผู้จัดงานเลือกใช้ละครหุ่นเชิด Puppet Show เป็นผู้ให้ความรู้ผ่านตุ๊กตาสุดน่ารักและเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เหมาะสมกับช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ แยกแยะ จดจำ

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันแยกขยะบริเวณชายหาดบ้านกรูด พร้อมกิจกรรมเสวนาเพื่อร่วมกันคัดแยกขยะอย่างยั่งยืน โดยมีผู้ร่วมเสวนาด้วยในงานนี้คือนายสหรัถ สังคปรีชา หรือ “ก้อง นูโว” ก่อนมีการแสดงคอนเสิร์ตของวงนูโว เต็มวง และศิลปินจากพี่โป้ โยคีเพลย์บอย และวง SOCHIL ที่ชายหาดบ้านกรูด ซึ่งภายในงานมีการจำหน่ายสินค้า อาหารของพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่น และขอความร่วมมือผู้จำหน่ายใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ นายอิศรา กล่าว.

ณัฐธภพ พันสาย….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ทางหลวงประจวบฯ รวบยกแก๊งขนชาวบังคลาเทศ 10 คน หนีเข้าเมืองไปส่งชุมพร

ทางหลวงประจวบฯ รวบยกแก๊งขนชาวบังคลาเทศ 10 คน หนีเข้าเมืองไปส่งชุมพร

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รรท.ผบก.ทล. พ.ต.อ.ณัฐพงศ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.ภคพล สุชล รรท.ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รรท.รอง ผกก.2 บก.ทล. พร้อมชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. (ประจวบคีรีขันธ์) ร่วมกับ พ.ต.ต.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. กำลังตำรวจทางหลวง และ สภ.ห้วยยาง ร่วมกันจับกุมนายนิรันดร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนายเอกพจน์ (สงวนนามสกุล) อายุเท่ากัน ชาวพิจิตร และผู้ต้องหาเพศชาย ชาวบังคลาเทศ จำนวน 10 คน พร้อมของกลาง รถเก๋งนิสสันอัลเมร่า สีดำ ทะเบียน กบ 695 พิษณุโลก และรถเก๋งโตโยต้า อีโนว่า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 8 กข 9674 กรุงเทพฯ ได้ที่ริมถนนสาธารณะใกล้วัดสมุทธาราม หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก ต่อเนื่องบริเวณสนามกีฬาอำเภอทับสะแก จ.ประจวบฯ นำตัวตั้งข้อหานายนิรันดร์ และนายเอกพจน์ ความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ โดยรู้ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 10 คน ตั้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย

ก่อนหน้านั้น ตำรวจทางหลวงสืบทราบว่าจะมีแก๊งคนร้ายลักลอบขนต่างด้าวลงไปภาคใต้ จึงออกตรวจสอบเส้นทาง จนพบรถเก๋งต้องสงสัยทั้งสองคันดังกล่าวขับผ่านมาในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่ร่วมกันในการสกัดกั้นจนถึงจุดตรวจ สภ.ห้วยยาง นายนิรันดร์ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถเก๋งนิสสันอัลเมร่า ได้โทรผ่านโปรแกรมแมสเซนเจอร์ แจ้งให้นายเอกพจน์ซึ่งขับรถเก๋งโตโยต้า ที่มีชาวบังคลาเทศตามมาให้ทราบว่าข้างหน้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ที่ด่าน จึงได้ใช้เส้นทางหลบเลี่ยงไปทางวัดสมุทธาราม แล้วนำบุคคลต่างด้าวทั้งสิบคน ไปปล่อยข้างทางให้ซ่อนตัวอยู่ริมถนนดังกล่าว ก่อนทั้งคู่แยกกันขับหลบหนีไปจนถึงบริเวณสนามกีฬาอำเภอทับสะแก และถูกจับได้ในที่สุด

จากการสอบนายเอกพจน์ ให้การรับสารภาพว่าตนรับจ้างจากกลุ่มรับจ้างจัดหางานเป็นเงิน 10,000 บาท ให้ไปรับชาวบังคลาเทศ 10 คน ที่เดินทางจากประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทยด้านชายแดนที่จังหวัดสระแก้ว ไปส่งที่จังหวัดชุมพร แล้วจะมีคนมารับต่ออีกที จึงชวนนายนิรันดร์แบ่งให้ 3,000 บาท ขับรถเก๋งอีกคันนำหน้า คอยแจ้งว่าตรงด่านไหนมีตำรวจปฎิงานอยู่หรือไม่ จนถูกจับกุมดังกล่าว.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

วัดห้วยสามพันนาม ทอดกฐินสามัคคีได้ยอดเงิน 1 ล้านบาท

วัดห้วยสามพันนาม ทอดกฐินสามัคคีได้ยอดเงิน 1 ล้านบาท

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 พระใบฎีกาสรัญ โฆสิโต (พระอาจารย์บอย) เจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนาม ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีทอดกฐินสามัคคีวัดห้วยสามพันนาม ประจำปี 2566 มีนายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน นางอุษา พวงวลัยสิน นายกกิ่งกาชาดหัวหิน น.ส.ไพลิน กองพันธ์ น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน นางลิษา อึ้งเห่ง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหัวหิน นายสุรชัย – นางภัทรสุดา บริษัทสุรชัย โพลทรี่ ฟู้ดส์ จำกัด อุบาสก อุบาสิกา และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมพิธี ภายในโดมอเนกประสงค์วัดห้วยสามพันนาม พร้อมกันนี้มีผู้ใจบุญ ต่างนำอาหารคาวหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่มมาออกร้านโรงทานจำนวนมาก เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้ทานฟรี โดยยอดเงินที่ได้จากการทอดกฐินในครั้งนี้และปัจจัยที่ได้จากเงินบริจาค รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1 ล้านบาท ซึ่งวัดจะได้นำไปบูรณะปฎิสังขรณ์ศาสนสถานภายในวัดห้วยสามพันนามต่อไป พร้อมกันนี้เจ้าอาวาสวัดห้วยสามพันนามได้แจกวัตถุมงคลผ้ายันต์ “ท้าวเวสสุวรรณ” ให้กับประชาชนทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

วัดห้วยสามพันนาม สังกัดมหานิกาย เดิมเป็นที่พักสงฆ์ชื่อ “วังสามพันนาม” เพื่อเป็นสถานที่จำพรรษาปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ – สามเณร และใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชน ต่อมานายชุบ สังข์ทอง ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตสร้างวัดและได้รับอนุญาตสร้างวัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 หลังจากนั้นได้ยื่นเรื่องขอตั้งวัดและได้รับอนุญาตตั้งวัด ชื่อ “วัดห้วยสามพันนาม” เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ตามชื่อหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ดินจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 50 ไร่ 2 งาน โดยนายชุบเป็นผู้บริจาคที่ดิน เจ้าอาวาสรูปแรกคือพระอธิการสำราญ สุขวฑฺฒโก ดำรงตำแหน่งเมื่อ 16 มิถุนายน 2554 และมรณภาพเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2558 ปัจจุบันมีพระใบฎีกาสรัญ โฆสิโต เป็นเจ้าอาวาส.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ชิปปิ้งอาหารทะเล“ด่านสิงขร”ปล่อยน้ำทิ้งส่งกลิ่นเหม็นกระทบสุขภาพเจ้าหน้าที่

ชิปปิ้งอาหารทะเล“ด่านสิงขร”ปล่อยน้ำทิ้งส่งกลิ่นเหม็นกระทบสุขภาพเจ้าหน้าที่

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบริเวณลานขนถ่ายสินค้าโนแมนแลนด์ (No Man’s Land) พรมแดนระหว่างสองประเทศ จุดตรวจด่านสิงขร ชายแดนไทย – เมียนมา หมู่ 6 บ้านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ หลังจากมีการร้องเรียนไปที่ป้องกันจังหวัดประจวบฯ ว่ามีผู้ประกอบการขนส่งสินค้า (ชิปปิ้ง) บางรายขนถ่ายสินค้าประมง ซึ่งมีน้ำแข็งเป็นส่วนประกอบ ได้ทิ้งน้ำเสียจากซากสัตว์ไหลลงพื้นดิน น้ำขังเจิ่งนองเน่าเสีย มีแมลงวันหัวเขียวตัวใหญ่เกาะกินเศษอาหาร ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปไกล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และทหาร ฉก.จงอางศึก ที่มีฐานปฏิบัติการใกล้เคียงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่มีอยู่จัดการเรื่องขยะ สิ่งเน่าเสีย และน้ำขังให้สะอาด จากที่เคยมีมาตรการที่เข้มงวดในช่วงการแพร่ระบาดโควิด ปี 2563 – 2564 ที่มีคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการชายแดนไทย – เมียนมา ผ่อนผันให้มีการขนส่งสินค้าเฉพาะอาหารแห้งเท่านั้น เพื่อป้องกันเชื้อโรคมากับวัตถุดิบที่มีความชื้นแฉะ ซึ่งในปัจจุบันสามารถขนส่งวัตถุดิบอาหารทะเลได้ ส่วนใหญ่เป็นหอย ปู กุ้ง หมึก แมงกะพรุนดองเค็ม และปลาชนิดต่างๆ

จากการตรวจสอบพบว่ามีรถบรรทุกที่มาจากฝั่งเมียนมา ที่จอดบริเวณโนแมนแลนด์เพื่อทำการขนถ่ายสินค้าไม่มากนัก เนื่องจากเป็นวันหยุด โดยวัตถุดิบอาหารทะเลหลายชนิดบรรจุอยู่ในลังพลาสติกอย่างหนา มีน้ำแข็งซึ่งเป็นตัวรักษาความสดของอาหารทะเลไว้ ซึ่งผิดเงื่อนไข ส่งผลให้น้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำเสียลงพื้น ถึงแม้ผู้ประกอบการมีการนำกระบะรอน้ำจากรถก็ตาม แต่สุดท้ายก็แอบเทน้ำทิ้งบริเวณดังกล่าว เนื่องจากบริเวณโนแมนแลนด์เป็นลานขนถ่ายสินค้าชั่วคราว ไม่มีระบบจัดการสุขอนามัยอย่างเป็นระบบ ปราศจากหลายหน่วยงานที่ต้องประจำจุดตรวจ มีแค่เพียงเจ้าหน้าที่ 2 – 3 คน ทำการสุ่มตรวจเปิดฝาลังพลาสติก โดยบางลังไม่ทราบว่าสินค้าที่อยู่ใต้น้ำแข็งตรงตามที่แจ้งไว้กับหน่วยงานหรือไม่ ทั้งนี้จังหวัดได้ออกมาตรการให้ผู้ประกอบการ 1.ให้ถุงบรรจุอาหารทะเลสดใส่ในถุงสองชั้น และผูกมัดปากให้สนิท 2.ถุงต้องบรรจุอยู่ในถังพลาสติก และมีถังพลาสติกรองรับน้ำระหว่างรถบรรทุกทั้งสองคัน ป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงพื้น 3.ต้องแจ้งการเข้าออกสินค้าให้ถูกต้องตามพิกัดศุลกากรทุกประเภท ชนิด ปริมาณและน้ำหนัก 4.ต้องทำความสะอาดทุกวัน มีการโรยปูนขาวฆ่าเชื้ออาทิตย์ละสองครั้ง เก็บเศษขยะที่แรงงานนำอาหารมารับประทานระหว่างขนส่งสินค้า แต่ขณะนี้กลับไม่มีการปฎิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้แต่อย่างใด.

Categories
ข่าว ทั้งหมด

ตำรวจประจวบฯ รวบโจรชิงสร้อยทองสาวขายน้ำ

ตำรวจประจวบฯ รวบโจรชิงสร้อยทองสาวขายน้ำ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.อ.ไพฑูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบฯ เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าเกิดเหตุทำร้ายร่างกายแล้วกระชากสร้อยคอทองคำแม่ค้าขายน้ำดื่มสมุนไพร แล้วขี่รถจักรยานยนต์ที่ปิดบังอำพรางป้ายทะเบียนรถหลบหนีไป โดยมีผู้เสียหายขี่รถติดตามผู้ก่อเหตุอย่างกระชั้นชิด พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยสกัดจับ บริเวณริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ บนเนินเขาทุ่งกระต่ายขัง ใกล้กับสำนักงาน อบต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับแจ้งจึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ชุมพล บางจันทึก รองผู้กำกับปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.ท.ศักดิ์ดา จำปาทอง รองผู้กำกับสืบสวน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจสายตรวจตู้ยามบริการประชาชน ไล่ล่าติดตามสกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง จนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ บริเวณศาลเจ้าภายในหมู่บ้านบ้านบึง หมู่ 4 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ ตรวจสอบผู้ก่อเหตุ พบของกลางเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น มูลค่า 32,000 บาท และพระเลี่ยมทอง 1 องค์ รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ น้ำเงิน – ขาว ทะเบียน 1 กฉ 1073 เพชรบุรี พร้อมให้ผู้เสียหายยืนยันชี้ตัวผู้กระทำผิด ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือนาย จเร หรือเร เรืองโรจน์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177/1 หมู่ 15 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุให้การว่าตนมีปัญหาเรื่องการเงิน ไม่พอใช้จ่าย จึงตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน นำตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลาง ส่ง ร.ต.อ.อาทิตย์ บุตรละคร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯ ดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ ใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้ยานพาหนะต่อไป

ด้าน น.ส.ณัฐณิชา อายุ 22 ปี สาวสามร้อยยอด ผู้เสียหายเล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขายน้ำดื่มสมุนไพรอยู่ริมถนน ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาจอด ทำทีจะมาซื้อน้ำที่ตนขาย จังหวะที่ตนเผลอ คนร้ายเอามือค้ำคอตน แล้วจะกระชากสร้อย แต่ตนขัดขืน จึงถูกต่อยที่ใบหน้าอย่างแรง ทำให้เบ้าตาของตนเขียวช้ำ จากนั้นกระชากสร้อยแล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนจึงขี่รถ ตาม พร้อมกับโทรแจ้งตำรวจให้ช่วยตามจับกุมตัวคนร้ายได้.

เอกภพ วงษ์ประเสริฐ….รายงาน

Categories
ข่าว ทั้งหมด

สมเด็จพระสังฆราช ประทานผ้าพระกฐินวัดเขาไกรลาศ หัวหิน ได้ยอดเงินเกือบ 12 ล้านบาท

สมเด็จพระสังฆราช ประทานผ้าพระกฐินวัดเขาไกรลาศ หัวหิน ได้ยอดเงินเกือบ 12 ล้านบาท

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นายกัลป์กุล ดํารงปิยวุฒิ์ ประธานบริษัท กัลป์กุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินประทานสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประจำปีพุทธศักราช 2566 ที่วัดเขาไกรลาศ หมู่บ้านเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระครูพิพัฒบรรณกร เจ้าอาวาสวัดเขาไกรลาศ พร้อมด้วย พล.อ.จิรวิทย์ เดชจรัสศรี ผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร, ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ, นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นางนงลักษณ์ ภัทรประสิทธิ์ และไวยาวัจกรวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน น.ส.บุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน คณะแม่ชีพธู ฮวดหิน วัดสุขสำราญ และพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ร่วมแห่ผ้าพระกฐินรอบพระอุโบสถ 3 รอบ จากนั้นเข้าร่วมในพิธี

ตามพระพุทธานุญาตให้พระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้วรับกฐินได้ จัดเป็นกาลทานที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่นั้นกอปรกับในศกนี้ บรรจบศุภมงคลสมัยที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุ 8 รอบ พระนักษัตร 96 พรรษา 26 มิถุนายน 2566 คณะศิษยานุศิษย์จึงตั้งกัลยาณจิตเป็นกตัญญูกตเวที ขอรับประทานผ้าพระกฐินเชิญไปทอดถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดเขาไกรลาศ ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ อันเป็นอารามที่บูรพาจารย์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามทรงอุปถัมภ์และอุปถัมภ์มาตราบปัจจุบัน อีกทั้งเป็นอารามที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นทรงผูกพันเป็นอย่างยิ่ง และเพื่อนำปัจจัยที่สาธุชนร่วมโดยเสด็จพระกุศล จะได้นำไปบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานภายในอารามซึ่งทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและเพื่อสร้างศูนย์การเรียนรู้พุทธศิลป์ให้กลับมาเป็นศรีสง่าแก่พระบวรพุทธศาสนาสืบไป โดยยอดเงินที่ได้จากการทอดฐินในครั้งนี้และปัจจัยที่ได้จากเงินบริจาคเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 11,900,000 บาท.